Daydreaming หรือที่เราเรียกกันว่า “เหม่อลอย” คือการที่เราคิดถึงสิ่งอื่น ๆ ขณะกำลังทำกิจกรรมอื่น ๆ อยู่
โดยปกติแล้ว daydreaming มักเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว และมักเกี่ยวข้องกับความคิดเชิงสร้างสรรค์หรือจินตนาการสูง เช่น การคิดถึงอนาคต การวางแผนงาน หรือแม้แต่การคิดถึงเรื่องไร้สาระ
ในอดีต ผู้คนมักมองว่า daydreaming เป็นพฤติกรรมที่ไม่สร้างสรรค์และเสียเวลา แต่ในปัจจุบัน นักวิจัยเริ่มตระหนักว่า daydreaming อาจมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพสมองของเรา
ประโยชน์ของ daydreaming ต่อสุขภาพสมอง
การศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า daydreaming เชื่อมโยงกับการเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมองส่วนหน้า ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์ การเรียนรู้ และการตัดสินใจ
การศึกษาชิ้นอื่นพบว่า daydreaming เชื่อมโยงกับการเพิ่มการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทในสมอง ซึ่งอาจช่วยให้เราเรียนรู้และจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ daydreaming ยังเชื่อมโยงกับประโยชน์ด้านสุขภาพจิตอีกด้วย การศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า daydreaming เชื่อมโยงกับการลดความเครียด การปรับปรุงอารมณ์ และการเพิ่มความรู้สึกมีความสุข
เคล็ดลับในการใช้ประโยชน์จาก daydreaming
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่า daydreaming มากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสมาธิและประสิทธิภาพในการทำงานได้ ดังนั้นจึงควรหาความสมดุลที่เหมาะสมระหว่างการ daydreaming และการจดจ่อกับงานที่กำลังทำอยู่
ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับบางประการในการใช้ประโยชน์จาก daydreaming ให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพสมองของคุณ:
- กำหนดเวลาให้ตัวเอง daydreaming สัก 15-20 นาทีในแต่ละวัน
- เลือกช่วงเวลาที่คุณรู้สึกผ่อนคลายและไม่มีสิ่งรบกวน
- เลือกหัวข้อที่คุณต้องการคิดถึง
- ปล่อยให้ความคิดของคุณไหลไปตามธรรมชาติ
Daydreaming อาจดูเหมือนเป็นกิจกรรมที่ไร้สาระ แต่แท้จริงแล้วอาจเป็นกิจกรรมที่มี ประโยชน์ต่อสุขภาพสมองของเราได้ เพียงแค่หาความสมดุลที่เหมาะสมระหว่างการ daydreaming และการจดจ่อกับงานที่กำลังทำอยู่
………………………………..
[alert-note]
ที่มา
- “Daydreaming and Neural Activity in the Default Mode Network” (2012) โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส (UCLA) การศึกษานี้พบว่า daydreaming เชื่อมโยงกับการเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมองส่วนหน้า ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์ การเรียนรู้ และการตัดสินใจ
- “Daydreaming and Brain Structure” (2013) โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเยล การศึกษานี้พบว่า daydreaming เชื่อมโยงกับการเพิ่มการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทในสมอง ซึ่งอาจช่วยให้เราเรียนรู้และจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
- “Daydreaming and Well-Being” (2015) โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย การศึกษานี้พบว่า daydreaming เชื่อมโยงกับการลดความเครียด การปรับปรุงอารมณ์ และการเพิ่มความรู้สึกมีความสุข
นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาอื่น ๆ ที่พบผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกัน ตัวอย่างเช่น การศึกษาในปี 2018 พบว่า daydreaming เชื่อมโยงกับความสามารถในการแก้ไขปัญหาที่ดีขึ้น และการศึกษาในปี 2020 พบว่า daydreaming เชื่อมโยงกับความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าการศึกษาเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น และจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลการวิจัยเหล่านี้
[/alert-note]