ไลฟ์สไตล์ปัจจุบันที่ต้องเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และปัญหาสังคมที่เพิ่มมากขึ้น
เป็นปัจจัยเร่งเร้าให้คนจำนวนมากตกอยู่ในสถานะที่เสี่ยงต่อการป่วยด้วยโรคเครียด และโรคซึมเศร้า ด้วยเหตุนี้ การติดอาวุธให้กับตนเองเพื่อป้องกันผลกระทบจากอาการดังกล่าวจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
ซึ่งคุณสามารถเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการทำสมาธิเป็นประจำทุกวัน วันละหลาย ๆ ครั้งซึ่งสามารถช่วยบรรเทาความเครียด และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคซึมเศร้าได้เป็นอย่างดี
การทำสมาธิมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง และการไหลเวียนของข้อมูลข่าวสารที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ปัจจุบัน เป็นการยากที่เราจะหามุมสงบ ๆ เพื่อทบทวนสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต หรือนั่งนิ่ง ๆ เพื่อปล่อยให้ความฟุ้งซ่านภายในหัวได้ตกตะกอนเป็นความคิดหรือบทเรียนที่เราจะเก็บไปพัฒนาตนเองในชีวิตประจำวันได้
[alert-success]การทำสมาธิจึงนับว่ามีความสำคัญ เพราะนอกจากจะเป็นการเงื่อนไขในการพาตนเองออกจากโลกออนไลน์และห่างจากสมาร์ทโฟนแล้ว ยังเป็นการฝึกจิตให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
เพื่อให้สามารถรับมือกับความยากลำบาก อุปสรรค และปัญหาต่าง ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ[/alert-success]
ซึ่งการเริ่มต้นฝึกสมาธินั้นก็ไม่ยากแต่อย่างใด คุณสามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงปฏิบัติตามเทคนิคต่อไปนี้
5 เทคนิคการเริ่มต้นฝึกสมาธิแบบง่ายๆ ใครก็ทำได้
สำหรบเทคนิคในการเริ่มต้นฝึกสมาธิ บอกเลยว่าทำไม่ยาก โดยคุณสามารถทำได้ตามคำแนะนำดังนี้
1.หามุมสงบ
เริ่มแรกก่อนที่คุณจะฝึกสมาธิ คุณจำเป็นต้องค้นหามุมสงบที่สามารถปลีกตัวออกมาจากความวุ่นวายต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นห้องพระ ห้องอ่านหนังสือ หรือแม้กระทั่งห้องน้ำ โดยคุณจะต้องไม่นำสมาร์ทโฟนหรือแท็บเลตติดตัวเข้าไปในห้องดังกล่าว เพื่อสร้างพื้นที่ที่มีความสงบร่มเย็นสำหรับทำสมาธิอย่างแท้จริง
2.เลือกเก้าอี้ที่นั่งสบาย
อีกเคล็ดลับหนึ่งของการทำสมาธิอย่างมีประสิทธิภาพคือการเลือกเก้าอี้ที่นั่งสบาย เพราะในการทำสมาธินั้น คุณอาจจะต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน ดังนั้น เก้าอี้ที่เลือกใช้สำหรับการนั่งสมาธิจึงควรเป็นเก้าอี้แบบมีพนักพิงและที่วางแขนที่ช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย และควรจะต้องมีความแข็งแรงระดับหนึ่งด้วยเช่นกัน
3.ให้ความสำคัญกับการกำหนดลมหายใจ
การทำสมาธิที่ดีนั้น ผู้ทำสมาธิจะต้องฝึกควบคุมลมหายใจเข้า-ออกให้ดี และจดจ่อความสนใจอยู่ที่การกำหนดลมหายใจตลอดระยะเวลาของการทำสมาธิ เพราะการฝึกเช่นนั้นจะช่วยให้คุณโฟกัสอยู่กับปัจจุบันขณะ ไม่ปล่อยให้ความกังวลเกี่ยวกับเรื่องในอนาคต หรือความผิดพลาดในอดีตมารังควาญใจจนทำให้คุณเสียสมาธิ
4.สำรวจความคิดตนเอง
ระหว่างที่คุณกำลังทำสมาธิ คุณจะพบว่ามีความคิดมากมายที่ผุดขึ้นมาในสมอง คุณควรใช้โอกาสนี้ในการสำรวจความคิดตนเองว่าเหตุใดคุณจึงมีความคิดเช่นนั้น อะไรบ้างที่เป็นความกังวลใจที่ติดค้างอยู่ในของคุณ และพยายามตอบตนเองให้ได้ว่าจะจัดการกับความคิดแง่ลบนั้นอย่างไร
5.กำหนดระยะเวลาในการทำสมาธิ
ในช่วงเริ่มแรกของการหัดทำสมาธินั้น คุณไม่ควรใช้เวลามากเกินไป เพราะจะทำให้คุณรู้สึกฝืน และพานจะทำให้คุณไม่อยากฝึกสมาธิต่ออีกในอนาคต วิธีที่ดีที่สุดในการฝึกสมาธิสำหรับผู้เริ่มต้น คือ การฝึกทำสมาธิสั้น ๆ ครั้งละประมาณ 5 นาที
ทำเช่นนี้หลาย ๆ ครั้งในหนึ่งวัน ไม่ว่าจะเป็นเวลาอาบน้ำหรือการตั้งสมาธิก่อนเริ่มต้นทำงาน เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้คุณสามารถโฟกัสกับการทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น
นอกจากนั้น ยังส่งผลดีต่อสุขภาพจิต ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด และกังวลจากหน้าที่การงานและปัญหาต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ทำให้คุณสามารถรับมือและจัดการแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การทำสมาธินั้น อาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับหลายคน โดยเฉพาะในยุคที่รอบตัวเราเต็มไปด้วยสิ่งที่ดึงดูดความสนใจต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม การทำสมาธิที่ดีนั้นสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา
ขอแค่มีเวลาเพียงแค่ 5 นาที คุณก็สามารถฝึกจิตให้เข้มแข็ง เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด และโฟกัสกับการทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้นแน่นอนค่ะ