น้ำมันคริลล์ (Krill oil) กำลังได้รับความนิยมในฐานะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ บทความนี้จะพาทุกท่านไปรู้จักกับน้ำมันคริลล์ เปรียบเทียบกับน้ำมันปลา และดูงานวิจัยที่น่าสนใจเกี่ยวกับน้ำมันคริลล์
น้ำมันคริลล์คืออะไร?
น้ำมันคริลล์ (Krill Oil) เป็นสารสกัดจากคริลล์ ซึ่งเป็นสัตว์น้ำขนาดเล็กคล้ายกุ้ง อาศัยอยู่ในน้ำเย็นบริเวณแอนตาร์กติกและแปซิฟิกเหนือ แม้มีขนาดตัวเล็ก แต่คริลล์มีปริมาณมหาศาล คิดเป็นชีวมวลสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก! บริษัท เนปจูน เทคโนโลยี จากแคนาดา เจ้าของสิทธิบัตรการสกัดน้ำมันคริลล์ ประมาณการว่ามีคริลล์ราว 500 ล้านตัน อาศัยอยู่ในทะเลเหนือเหล่านี้ โดยมีการเก็บเกี่ยวประมาณ 110,000 ตันต่อปี
น้ำมันคริลล์ vs. น้ำมันปลา: พลังของฟอสโฟลิปิด
น้ำมันคริลล์และน้ำมันปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 ชนิด EPA และ DHA ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจและสมอง แต่โครงสร้างของกรดไขมันต่างกัน:
- น้ำมันปลา: โอเมก้า 3 อยู่ในรูปไตรกลีเซอไรด์ ดูดซึมได้ยาก
- น้ำมันคริลล์: โอเมก้า 3 อยู่ในรูปฟอสโฟลิปิด โครงสร้างคล้ายผนังเซลล์ ร่างกายดูดซึมได้ดีกว่า
ความแตกต่างนี้ส่งผลให้น้ำมันคริลล์มี:
- การดูดซึมที่เหนือกว่า: งานวิจัยชี้ว่าร่างกายดูดซึมน้ำมันคริลล์ได้ดีกว่าน้ำมันปลา
- ปัญหากลิ่นน้อย: น้ำมันคริลล์มีกลิ่นคาวน้อยกว่าน้ำมันปลา เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบกลิ่นคาว
- สารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง: น้ำมันคริลล์มีแอสต้าแซนธิน สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพมากกว่าน้ำมันปลาถึง 48 เท่า (วัดจากค่า ORAC)
ประโยชน์ที่เป็นไปได้ของน้ำมันคริลล์
งานวิจัยเกี่ยวกับน้ำมันคริลล์ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่มีผลงานที่น่าสนใจ ดังนี้:
- สุขภาพหัวใจ: น้ำมันคริลล์อาจช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) เพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพหัวใจ
- อาการปวดและการอักเสบ: น้ำมันคริลล์มีแนวโน้มช่วยลดอาการปวดและการอักเสบจากโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์และอาการปวดทั่วไป
- PMS และ ADHD: งานวิจัยชี้ว่าน้ำมันคริลล์อาจช่วยบรรเทาอาการ PMS และ ADHD ในผู้ใหญ่
- สุขภาพผิว: แอสต้าแซนธินในน้ำมันคริลล์อาจช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV
ข้อเสียและข้อควรระวัง
- ราคา: น้ำมันคริลล์มีราคาแพงกว่าน้ำมันปลา
- งานวิจัยยังมีจำกัด: งานวิจัยเกี่ยวกับน้ำมันคริลล์ยังมีไม่มากเท่ากับน้ำมันปลา
- ผู้แพ้กุ้ง: ผู้ที่มีอาการแพ้กุ้งควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานน้ำมันคริลล์
น้ำมันคริลล์ มีศักยภาพเป็นตัวเลือกที่เหนือกว่าน้ำมันปลา ด้วยการดูดซึมที่ดีกว่า สารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง และประโยชน์ต่อสุขภาพที่หลากหลาย แม้จะยังต้องการงานวิจัยเพิ่มเติม แต่น้ำมันคริลล์ก็ดูเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยและน่าลองสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมโอเมก้า 3 จำไว้ว่าควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานน้ำมันคริลล์ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว
แหล่งข้อมูล
- Krill oil: https://en.wikipedia.org/wiki/Krill_oil
- น้ำมันคริลล์ (Krill Oil): tim.blog
- photo: flickr.com/photos/bobsharman