โรคร้ายแรงที่หลายคนส่วนใหญ่เป็นเริ่มต้นตั้งแต่โรคมะเร็ง รองลงมาก็คือโรคหัวใจและโรคเบาหวาน รวมถึงความดันโลหิตสูง
โดยโรคเหล่านี้ไม่ต้องรอให้อายุมากหรอกจึงค่อยเป็น โดยเฉพาะกับโรคเบาหวานซึ่วปัจจุบันมีการตรวจพบแล้วว่าสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ตอนเด็กๆ โดยติดจากการที่คุณแม่ตั้งครรภ์แล้วเกิดภาวะเป็นเบาหวานด้วยนั่นเอง
ในวันนี้เราจะมาคุณมาทำความรู้จักกับโรคกันละเอียดลึกซึ้งมากขึ้น ตามมาดูกันเลยค่ะว่าเบาหวานนั้นเป็นอย่างไร
เบาหวานคืออะไร
เบาหวานเป็นภาวะเรื้อรังที่เกิดจากความผิดปกติของร่างกายในการผลิตฮอร์โมนอินซูลินจึงทำให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าคนปกติ และร่างกายผลิตอินซูลินได้ไม่เพียงพอ ซึ่งถือได้ว่าเป็นความบกพร่องของการสร้างอินซูลิน หรือจะเป็นระบบการทำงานของอินซูลิน หรือเป็นได้ทั้งสองกรณี

โรคเบาหวาน ถือเป็นโรคชนิดหนึ่งที่เกิดความผิดปกติในลักษณะพิเศษ คือจะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งคำว่าเบาหวานนั้นมาจากคำที่มีความหมายสองคำ ก็คือ เบา ที่หมายถึง ปัสสาวะ และคำว่า หวาน ซึ่งหมายถึง รสหวานหรือน้ำตาล
ดังนั้นผู้ที่เป็นเบาหวานจึงหมายถึงผู้ที่มีน้ำตาลในปัสสาวะนั่นเอง เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นมากจนไตไม่สามารถเก็บกักน้ำตาลไว้ได้หรือนำไปใช้ไม่หมด น้ำตาลส่วนเกินที่สะสมไว้ก็จะถูกขับออกมากับปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะมีรสหวานจนเห็นว่ามีมดมาตอมได้ ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นอาการสำคัญของผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานโดยเฉพาะ
ส่วนเบาหวานที่เกิดจากการผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอของร่างกาย จึงส่งผลทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดนั้นสูงเกินไป โรคชนิดนี้จะมีความรุนแรงสืบเนื่องมาจากการที่ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้อย่างเหมาะสม โดยปกติแล้วน้ำตาลจะเข้าสู่เซลล์ของร่างกายเพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานภายใต้การควบคุมของฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานนั้นร่างกายจะไม่สามารถทำงานในส่วนนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้น ผลที่เกิดขึ้นก็คือ จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น และในระยะยาวจะมีผลในการทำลายหลอดเลือดด้วย ซึ่งถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสมก็อาจนำไปสู่สภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงขึ้นได้
ภาวะของอาการเบาหวานนั้นมักจะเกี่ยวข้องหรือเป็นสาเหตุของโรคแทรกซ้อนที่ร้ายแรงหลายโรค และยังเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิตก่อนวัยอันควรอีกด้วย อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานสามารถดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลในเรื่องของอาหารการกินและการออกกำลังกายสม่ำเสมอที่จะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงสามารถต้านทานต่อภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้
รู้จักกับโรคเบาหวาน
โรคเบาหวาน เป็นโรคที่เกิดจากระบบการทำงานของต่อมที่ตับอ่อนมีความผิดปกติ ทำให้ไม่สามารถผลิตหรือหลั่งฮอร์โมนอินซูลินออกมาได้ไม่เพียงพอสำหรับใช้ในการเปลี่ยนน้ำตาลที่ร่างกายได้รับจากอาหารให้เกิดเป็นพลังงาน เนื่องจากอาหารที่รับประทานเข้าไปนั้นส่วนใหญ่ร่างกายจะเปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือดเพื่อนำไปใช้เป็นพลังงาน
ซึ่งเซลล์ในตับอ่อนมีชื่อเรียกว่าเบต้านั้น จะเป็นเซลล์ที่สร้างฮอร์โมนอินซูลิน โดยอินซูลินนี้จะเป็นตัวนำน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่กระบวนการเพื่อเปลี่ยนให้เป็นพลังงาน ถ้าหากร่างกายขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือการผลิตอินซูลินของร่างกายมีประสิทธิภาพลดลง ไม่ว่าจะมีสาเหตุมาจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน หรืออินซูลินไม่เพียงพอ
ก็ส่งผลทำให้ระดับน้ำตาลในหลอดเลือดสูงมากกว่าปกติได้เช่นกัน และน้ำตาลส่วนเกินที่ไม่ได้เผาผลาญออกไปนั้นจะถูกขับออกมาพร้อมกับน้ำปัสสาวะ จึงทำให้มีอาการปวดปัสสาวะบ่อยๆ และมีจำนวนมาก ที่สำคัญปัสสาวะจะมีรสหวาน
เราจึงเรียกโรคชนิดนี้ว่า เบาหวาน นั่นเอง นอกจากนี้การเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานๆ จะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่างๆ ของร่างกายได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ตา ไต และระบบประสาท เป็นต้น
ชนิดของเบาหวาน
โรคเบาหวานชนิดที่ 1
เป็นชนิดพึ่งอินซูลิน (IDDM) สามารถพบได้ประมาณ 5-10% ของโรคเบาหวานทุกประเภทและสามารถเกิดกับผู้ป่วยที่มีอายุน้อยได้ด้วย ที่สำคัญไม่จำเป็นต้องอ้วนเสมอไป ซึ่งโรคเบาหวานชนิดที่ 1 นี้เกิดจากการที่ตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้เพียงพอหรือหยุดสร้างอินซูลิน ทำให้น้ำตาลอยู่ในกระแสเลือดจนเกิดเป็นเบาหวาน ซึ่งปัจจัยเสี่ยงของเบาหวานชนิดนี้จะมีน้อยกว่าเบาหวานชนิดที่ 2 อันได้แก่ พันธุกรรม ภูมิคุ้มกันของร่างกายมีความบกพร่อง และสภาพแวดล้อมของผู้ป่วยที่อาจเกิดจากการได้รับสารพิษหรือการติดเชื้อ ดังนั้นผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 นั้นจึงจำเป็นต้องได้รับอินซูลินโดยฉีดเข้าไปในร่างกาย เพื่อช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดระยะยาว
โรคเบาหวานชนิดที่ 2
เป็นชนิดที่ไม่พึ่งอินซูลิน (NIDDM) เป็นเบาหวานชนิดนี้อาจไม่มีอาการเหมือนในเบาหวานชนิดที่ 1 ซึ่งอาการจะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป โดยที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัว มักจะพบได้ 90-95% ของจำนวนโรคเบาหวานทุกชนิด ปัจจัยเสี่ยงของเบาหวานประเภทนี้ได้แก่ ผู้ที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไปและมีภาวะของความอ้วน เคยมีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นเบาหวาน มีความดันโลหิตสูง ร่างกายมีความต้านทานต่อกลูโคสต่ำ เซลล์ไขมันมีความผิดปกติทนทานต่ออินซูลินเพิ่ม และมีความผิดปกติเกี่ยวกับการหลั่งอินซูลินของตับอ่อน
โรคเบาหวานที่เกิดในช่วงตั้งครรภ์
สามารถเกิดได้ 2-5% ของจำนวนผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอายุมากกว่า 25 ปี และมีน้ำหนักตัวก่อนการตั้งครรภ์มากว่า 30 ของดัชนีมวลกาย เคยมีประวัติญาติสายตรงเป็นเบาหวาน อย่างไรก็ตามการเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดได้
แต่เชื่อว่าอาจเกิดจากรกที่ช่วยในการสร้างฮอร์โมนเพื่อการเจริญเติบโตของทารกทำให้ความไวต่ออินซูลินลดลง น้ำตาลในกระแสเลือดจึงเพิ่มสูงขึ้น ส่วนใหญ่หลังการคลอดบุตรแล้วระดับน้ำตาลก็จะลดลง แต่ที่ต้องระวังก็คือผู้หญิงที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์นั้น
จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ โดยมีผลงานวิจัยกล่าวไว้ว่า ของผู้หญิงที่มีประวัติการเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ร้อยละ 40 สามารถพัฒนาเป็นโรคเบาหวานได้ในอนาคต
นอกจากนี้ผลที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม ยาเสพติด การผ่าตัด การติดเชื้อ ภาวะร่างกายขาดสารอาหาร และความเจ็บป่วยอื่นๆ อาจเป็นสาเหตุของการเกิดเบาหวานชนิดพิเศษอื่นๆ ขึ้นได้ ซึ่งเบาหวานชนิดนี้สามารถพบเป็นจำนวน 1-2% ของคนไข้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานทั้งหมด
หลักเกณฑ์ในการวินิจฉัยโรคเบาหวาน
เนื่องจากโรคเบาหวานจะไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น หรือมีอาการเป็นไปอย่างช้าๆ โดยผู้ป่วยไม่รู้ตัว ดังนั้น วิธีที่จะวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานจะมีเพียงวิธีเดียวก็คือการเจาะหาน้ำตาลในเลือด โดยคนทั่วไปที่มีอายุมากกว่า 45 ปีควรได้รับการเจาะเลือดตรวจ ถ้าหากปกติดีก็ให้เจาะทุกๆ 3 ปี แต่กรณีคนที่มีปัจจัยเสี่ยงควรเจาะให้เร็วขึ้นและบ่อยขึ้นด้วย
[alert-success]โดยคนปกติจะมีค่าน้ำตาลในเลือดที่วัดได้อยู่ระหว่าง 80-100 มิลิกรัม% สำหรับผู้ที่จะวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานคือจะมีค่าระดับน้ำตาลในเลือดมากกว่า 126 มิลิกรัม% แต่ถ้ามีระดับน้ำตาลอยู่ระหว่าง 100-125 มิลิกรัม% คนกลุ่มนี้จะมีความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานได้[/alert-success]
ให้เริ่มดูแลตัวเองด้วยการควบคุมอาหาร รักษาน้ำหนัก และออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากภาวะเกิดความเสี่ยงนี้ได้ แต่การตรวจหาเบาหวานหรือการตรวจหากกลูโคสในปัสสาวะจะไม่นิยมทำกันเพราะอาจเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย
ดังนั้น ด้วยข้อมูลทั้งหมดนี้เมื่อได้ทราบถึงที่มาที่ไปของโรคเบาหวานมากขึ้นแล้วจากนี้ก็ต้องหันมาใส่ใจดูแลเรื่องสุขภาพกันให้มากขึ้นนะคะ เพื่อจะได้มีสุขภาพแข็งแรงและปลอดภัยจากการเกิดโรคเบาหวานค่ะ