จะว่าไปอันที่จริงแล้วคนเราใช้เวลาในห้องนอนเกือบจะ 1 ใน 3 ของชีวิตเราเลยนะคะ ซึ่งเราอาจจะไม่ได้นึกไปถึงว่าในห้องนอนของเรานั้นจะมีสารพิษอะไรหลบซ่อนอยู่ เราดูแลทำความสะอาดทุกอย่าง แต่กลายเป็นว่า ที่สุดท้ายที่เราจะเข้าไปดู นั่นคือห้องนอน
ลองคิดดูนะคะ เราทำกิจกรรมหลายอย่างในห้องนอน ไม่ว่าจะเป็น นอนเล่น นั่งเล่น ทั่วทั้งห้องนอน งั้นเราจะตามไปสำรวจห้องนอนของเรากันทุกซอกทุกมุมในแต่ละจุด เพื่อเนรมิตห้องนอนปราศจากสารพิษ
ขั้นตอนแรก จัดการคุณภาพอากาศภายในห้อง
มลภาวะทางอากาศภายในห้องเป็นสิ่งที่สามารถทำลายสุขภาพของเรา ซึ่งจะส่งผลเลวร้ายอย่างมากโดยเฉพาะในขณะที่เรากำลังนอนหลับ เพราะร่างกาย (รวมถึงสมอง) จะต้องทำงานหนักมากขึ้นในช่วงเวลากลางคืน เพื่อจะกำจัดสารพิษต่าง ๆ ที่เราสะสมมาตลอดทั้งวันนั่นเอง
แหล่งมลภาวะทางอากาศภายในห้องมาจากไหนบ้าง?
– สเปรย์น้ำหอมปรับอากาศ รวมถึงพวกสเปรย์ต่าง ๆ , เทียนไขฟาราฟิน, ก้านไม้หอมปรับอากาศ ฯลฯ ที่ใช้ในการปรับอากาศหรือกำจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ภายในห้อง
– ผลิตภัณฑ์ซักผ้า ไม่ว่าจะเป็นผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม ที่จะทิ้งเหล่าสารพิษไว้ในเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงเครื่องนอนของเรา
– ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้าน ที่อุดมไปด้วยสารเคมีมากมายหลายชนิดและน้ำหอม ล้วนแล้วเป็นพิษกับอากาศภายในห้อง
เราจะปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในห้องอย่างไร?
– ใช้เครื่องฟอกอากาศ ในปัจจุบันนี้มีเครื่องฟอกอากาศออกมาหลากหลายรูปแบบและราคาให้เราเลือก ที่จะช่วยกรองฝุ่นละออง สารก่อภูมิแพ้ ไรฝุ่น ดูดกลิ่นไม่พึงประสงค์ และจบด้วยการฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย
– ปลูกต้นไม้ที่มีสรรพคุณในการฟอกอากาศและดูดซับสารพิษ ซึ่งต้นไม้จะดูดเอาสารพิษผ่านทางใบ รากและอากาศเข้าไปและส่งไปยังราก จากนั้นจุลินทรีย์จะเปลี่ยนสารพิษที่มากับอากาศให้กลายเป็นอาหารพืช ต้นไม้ที่มีคุณสมบัตินี้มีมากมาย เช่น พลูด่าง ลิ้นมังกร เสน่ห์จันทร์แดง ไอวี่ เป็นต้น
ขั้นตอนที่ 2 ลดการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และแสงไฟ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ระบบการทำงานของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (EMF) ทุกอย่างในโลกของธรรมชาตินั้น หรือแม้แต่ร่างกายของเราก็ผลิตคลื่น EMF
แต่คลื่น EMF ที่ออกมาจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากนั้นสามารถเป็นสาเหตุของความเสี่ยงทางสุขภาพที่ร้ายแรงได้
หากเรามาพูดถึงเรื่องของการนอน
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวเข้ามามีบทบาทกับขีวิตเรามากขึ้น ที่ชัดเจนเลยคงหนีไม่พ้น โทรศัพท์มือถือ เชื่อแน่เลยค่ะว่า ก่อนที่เราจะนอน หลายคนไถหน้าจอจนลืมเวลากันไปเลย อันตรายที่คาดไม่ถึงนี้คือ “แสงสีฟ้า”
เจ้าแสงสีฟ้าจะไปรบกวนการทำงานของฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) ซึ่งสมองจะสร้างฮอร์โมนนี้ในช่วงเวลากลางคืน ทำให้เรารู้สึกง่วง นั่นเป็นสาเหตุให้คุณภาพการนอนของเราลดลง
กฎง่าย ๆ สำหรับการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในห้องนอน
– ปิดไวไฟทั้งบ้าน แต่หากทำไม่ได้จริง ๆ อย่างน้อยก็ภายในห้องนอนก็ยังดี
– ปิดอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อไวไฟได้ เช่น โทรศัพท์มือ คอมพิวเตอร์แลปท็อป
– อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องเสียบปลั๊กไฟ ให้นำออกจากห้องนอน แล้วใช้อุปกรณ์ที่เก็บแบตเตอรี่แทน
ขั้นตอนที่ 3 เลือกที่นอนดี ๆ สักหลัง
หากที่นอนไม่ดีก็อาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการก่อให้เกิดสารพิษในห้องนอน และแน่นอนว่าที่นอนดี ๆ ราคาก็แพงขึ้นตามคุณภาพไปด้วย โดยมากในขั้นตอนของการผลิตที่นอน ถ้าหากเป็นที่นอนที่ไม่ได้มาตรฐาน ทางโรงงานจะมีการนำสารหน่วงไฟ ซึ่งเป็นสารที่ป้องกันการลามของไฟ เมื่อวัตถุติดไฟ มาเคลือบตัวที่นอนไว้ ทีนี้เราจะมาดูสารเคมีในที่นอนกันค่ะ
– Boric Acid เป็นสารยับยั้งเชื้อรา และสามารถทำลายการทำงานของระบบประสาทและการสืบพันธุ์
– Formaldehyde หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ ฟอร์มาลีน หากสูดดมเข้าไปมากเข้าไปมา จะเกิดอาการเป็นพิษอย่างเฉียบพลัน
[alert-success]ตัวเลือกสำหรับที่นอนไร้สารเคมี
เราอาจจะเลือกที่นอนที่ปราศจากสารเคมีอย่าง IntelliBED แม้ว่าที่นอนตัวนี้จะไม่ได้ออแกนิค 100% ยังคงมีสารบางตัวที่ใช้ในการผลิตที่นอนเจือปนอยู่ แต่มันถูกทดสอบปริมาณสารดังกล่าวอยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้
แต่หากคุณมีความจำเป็นไม่สามารถซื้อที่นอนใหม่ได้ แนะนำว่า ให้ลองหา Topper ราคากลาง ๆ แต่ขอให้หลีกให้ห่างจาก Topper ที่เป็นโฟม เนื่องจากโฟมเป็นอะไรที่เลวร้ายที่สุดในเรื่องของสารเคมี[/alert-success]
ขั้นตอนที่ 4 ใช้เครื่องนอนจากเส้นใยธรรมชาติ
ฝ้ายออร์แกนิค คือตัวเลือกที่ดีที่สุดในการนำมาผลิตเป็นผ้าปูที่นอนและหมอน ฝ้ายคือหนึ่งในพืชที่มีการใช้ยาฆ่าแมลงในการฉีดพ่นมากที่สุด ดังนั้นทางเดียวที่เราจะหลีกหนีจากสารเคมีได้ มีเพียงแค่ออร์แกนิคเท่านั้น
นอกจากนี้ ไม้ไผ่ ก็ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ดี โดยมากผ้าคลุมเตียงจะเป็นจุดที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคภูมิแพ้ได้มากที่สุด เพราะฉะนั้น เส้นใยจากขนสัตว์ก็เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยในระดับหนึ่งของการนำมาทำเป็นผ้าคลุมเตียงและผ้านวม
ขั้นตอนที่ 5 ใช้สีทาบ้านที่ปลอดสารเคมี
สีที่ควรใช้ในการทาห้องของเรา ควรเป็นชนิด Zero-VOCหรือสารระเหยอินทรีย์ แต่ไม่ใช่ Low-VOC พูดง่าย ๆ คือ ไม่ใช่แค่มีระดับต่ำ ๆ แต่ต้องไม่มีสารตัวนี้อยู่เลยนั่นเองค่ะ เพราะสารดังกล่าวนี้เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นสาเหตุหลัก ๆ ให้เกิดโรคหอบหืดทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
ขั้นตอนที่ 6 เลือกเฟอร์นิเจอร์อย่างปลอดภัย
เฟอร์นิเจอร์ไม้ในห้องนอนคุณอย่าง หัวเตียง โต๊ะเครื่องแป้ง เก้าอี้ ฯลฯ ซึ่งในปัจจุบันโรงงานหันมาใช้ไม้จำนวน Particle Board หรือ ไม้ MDF ซึ่งมีราคาที่ถูกกว่าไม้ธรรมชาติอย่างไม้สัก แต่ไม้เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เคลือบสารระเหยอย่างฟอร์มาลีน ที่จะติดทนไปเป็นปี ๆ เลยค่ะ
เพราะฉะนั้นจึงควรจะเลือกประเภทไม้เนื้อแข็ง แม้ว่าราคาจะสูงกว่าแต่ก็ปลอดภัยมากกว่า
ขั้นตอนที่ 7 ไม่ควรเก็บรองเท้าไว้ภายในห้องนอน
รองเท้าของเราจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก หากใช้งานนอกบ้าน เนื่องจากรองเท้าเต็มไปด้วยแบคทีเรียนานาชนิด สารพิษ และสิ่งสกปรกเกินกว่าที่จะนำมาเก็บในห้องนอน ซึ่งเราไม่รู้ว่าแต่ละวันเราเดินไปเหยียบอะไรมาบ้าง ถ้าหากกลัวเท้าสัมผัสพื้น ลองเปลี่ยนมาใส่เป็นรองเท้า Slippers ที่ใส่ภายในบ้านก็จะปลอดภัยขึ้น
เห็นไหมล่ะคะว่า การจะสร้างห้องนอนไร้สารเคมีไม่ได้ยากเลย หรือหากจะยาก ก็คงยากเฉพาะช่วงที่เริ่มทำใหม่ ๆ ปรับเปลี่ยนไปทีละนิด เราก็จะได้ห้องนอนที่มีความเป็นธรรมชาติ ห่างไกลจากสารพิษแล้วล่ะค่ะ