กำราบ “สิวผด” ด้วยกลเม็ดการดูแลรักษาอย่างครบวงจร

เพราะเมืองไทยเราซึ่งเป็นประเทศเขตร้อน สภาพอากาศจึงยิ่งทวีความร้อนระอุได้ทุกองศา

ปัญหาผิวสาวจึงมักจะมาเยือนได้ง่ายดายเสมอ ปัญหาหลักๆ นอกจากความหมองคล้ำและนำมาซึ่งริ้วรอยแห่งวัยแล้ว หนึ่งในนั้นก็คือ สิวผด

วันนี้ใครที่มีปัญหาสิวผดและกำลังกลัดกลุ้มกับมันอยู่ เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับสิวผดมากขึ้นตลอดจนวิธีรับมือรักษาที่สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง

สิวผดมาเยือนคราวหน้าจะได้บรรเทาเบาบางลง สาวๆ จะได้มั่นใจกับการเผยผิวหน้าเรียบเนียนกระจ่างใสอีกครั้ง

สิวผดคือ อะไร?

สิวผด’ หรือ ‘สิวเทียม’ (Acne Aestivale) มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ‘สิวหิน’ เป็นสิวที่เกิดมาจากเนื้องอกภายในต่อมเหงื่อ (Syringoma) ลักษณะของสิวประเภทนี้จะขึ้นเป็นตุ่มน้ำเม็ดเล็กๆ คล้ายกับผดโดยมักขึ้นบนผิวหน้าบริเวณหน้าผาก ไรผม จมูกหรือคาง

เป็นสิวที่ไม่มีหัวจึงไม่สามารถบีบได้เหมือนสิวหัวขาวทั่วไป เมื่อใดที่เราตากแดดร้อนๆ เป็นเวลานานต่อมเหงื่อจะผลิตตุ่มสิวนี้ขึ้นมาติดกันหลายเม็ด เมื่อเอามือสัมผัสลูบไล้แรงๆ จะรู้สึกแสบคันมากยิ่งขึ้น

ยิ่งเหงื่อออกท่ามกลางแดดจัดจะยิ่งมีอาการคันยุบยิบง่ายมากและยังเป็นผื่นแดงได้ง่ายอีกด้วย การเช็ดถูผิวแรงๆ ก็อาจจะกระตุ้นให้เป็นหนองช้ำขึ้นมาได้ด้วย

สาเหตุของการเกิดสิวผด

– สิวผดเกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่งซึ่งมีชื่อเรียกว่า P.OVALE เชื้อดังกล่าวจะทำปฏิกิริยากับผิวบริเวณต่อมไขมันบนผิวหน้า เช่น หน้าผาก จมูก คางและในบริเวณทีโซนจนทำให้เกิดเป็นสิวผดขึ้นมา

– เกิดขึ้นจากสภาพอากาศร้อนๆ และการตากแดดจัดจนร่างกายเกิดการขับเหงื่อ หากยิ่งกระทบกับฝุ่นละอองด้วยแล้วจะก่อให้เกิดการอุดตันจนกลายเป็นสิวประเภทอื่นตามมาได้ด้วย

– เกิดจากการแพ้เครื่องสำอางที่คุณใช้หรือจากอุปกรณ์แต่งหน้าที่สกรก ไม่เคยได้ทำความสะอาดดีพอ

– เกิดจากการแพ้ส่วนผสมในผลิตภัณฑ์แชมพู ครีมนวดผม

– อุณหภูมิของน้ำที่ใช้ล้างหน้าอุ่นหรือร้อนเกินไปก็สามารถกระตุ้นให้เกิดสิวผดและสิวประเภทอื่นได้ด้วยเช่นกัน

– เกิดจากการสครับผิวหรือการขัดผิวรุนแรงและบ่อยเกินไป จนกลายเป็นการรบกวนผิวหน้าทำให้ผิวระคายเคืองตามมา

– เกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ นอนดึกเป็นประจำจนทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง สภาพฮอร์โมนภายในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปจึงกระตุ้นให้เกิดสิวตามมามากขึ้น

– กินอาหารที่ไม่เหมาะสม เช่น อาหารมันๆ ทอดๆ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่กระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตไขมันออกมามากขึ้นจนเสี่ยงต่อการเกิดสิวได้ง่าย

– เกิดจากปลายผมที่สกปรกรวมถึงการปล่อยปลายผมให้ปรกหน้าผากรุงรัง ยิ่งหากไม่ได้สระผมด้วยแล้ว สิ่งสกปรกจากปลายเส้นผมก็จะยิ่งกระตุ้นก่อให้เกิดสิวผดตามมายิ่งขึ้นได้

วิธีดูแลรักษาสิวผดด้วยตัวคุณเองอย่างถูกต้อง

– หลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดดร้อนจัดเป็นเวลานาน หากจะต้องออกไปตากแดดแนะนำให้กางร่มหรือสวมหมวก นอกจากนี้

ควรใช้ครีมกันแดดที่มีเนื้อบางเบาหรือเลือกประเภทที่ปราศจากน้ำมันและแอลกอฮอล์ (oil-free/ non comedogenic) เป็นส่วนผสม ครีมกันแดดที่เลือกใช้ควรมีค่า SPF สูงตั้งแต่ 30++ ขึ้นไปจะดีที่สุด

– น้ำที่ใช้ล้างหน้าควรเลือกปรับอุณหภูมิตามปกติ ไม่ควรใช้น้ำอุ่นเด็ดขาด นอกจากนี้ การสครับผิวหรือขัดผิวหน้าก็ควรทำอย่างเบามือเช่นกัน

– หลีกเลี่ยงการใช้มือแกะ บีบ กดสิวเด็ดขาดยิ่งสิวผดไม่มีหัวด้วยแล้วยิ่งไม่ควรพยายามไปกดเปิดหัว ไม่เช่นนั้น อาจจะทำให้สิวอักเสบกลายเป็นหนองบวมช้ำหนักขึ้นได้

– การใช้ผลิตภัณฑ์แชมพูหรือแม้แต่ครีมนวดผม หลังจากสระนวดเสร็จแล้วควรล้างน้ำออกให้สะอาดเกลี้ยงเกลา ไม่ให้คราบจากผลิตภัณฑ์หลงเหลือบริเวณกรอบหน้า โดยเฉพาะแนวไรผมและหน้าผาก

– แต่งหน้าให้เบาบางลง พยายามใช้เครื่องสำอางที่ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองผิวตลอดจนเครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบจากน้ำมันก็ควรงดใช้ไปก่อน หากเป็นไปได้ควรทาแค่แป้งฝุ่นบางเบาเพื่อให้ผิวหน้าได้พักจากเครื่องสำอางบ้างย่อมดีที่สุด ผิวหน้าอันบอบบางของคุณจะได้ไม่ถูกรบกวนจนเกินไปค่ะ

– อุปกรณ์การแต่งหน้า โดยเฉพาะแปรงแต่งหน้าและฟองน้ำหรือพัฟต์ ควรนำมาล้างทำความสะอาดและผึ่งให้แห้งสนิทโดยทำเช่นนี้อย่างน้อยทุกสัปดาห์

– ไม่ควรปล่อยให้ปลายผมปรกหน้าผาก โดยเฉพาะสาวที่ไว้ผมหน้าม้า ควรรวบผมขึ้นแล้วติดกิ๊บเหน็บไว้ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้สิวผดกำเริบหนักขึ้น และยังเป็นการได้ปล่อยผิวบริเวณดังกล่าวให้ได้รับอากาศถ่ายเทอย่างผ่อนคลายขึ้นด้วย

– การใช้ยารักษาผดผื่นนั้น ไม่แนะนำให้ซื้อยามาใช้เองตามร้านขายยาทั่วไป เพราะอาจจะทำให้ได้ยากลุ่มที่มีสารสเตียรอยด์เป็นส่วนผสมซึ่งจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อผิวสูง แนะนำให้พบแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางเพื่อรักษาและรับยามาใช้อย่างตรงจุดดีกว่า

– ระหว่างนี้ควรพยายามงดการใช้ครีมหรือตัวยาที่ก่อให้ผิวเกิดความระคายเคืองหนักยิ่งขึ้นกว่าเดิม เช่น ยาที่มีส่วนผสมจาก Retinoic Acid, Benzoyel Peroxide AHA และ BHA เป็นต้น

– กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายและผิวพรรณ โดยเน้นกินผักผลไม้ให้มากๆ เพื่อให้วิตามินแร่ธาตุได้เข้าไปบำรุงและซ่อมแซมเซลล์ผิวที่สึกหรอ นอกจากนี้ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอพร้อมกัน เพราะน้ำสะอาดจะช่วยขจัดล้างสารพิษออกจากร่างกาย ปัญหาผิวก็จะลดลงได้ และอย่าลืมงดการกินอาหารมันๆ ทอดๆ ไปก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้สิวเห่อหนักยิ่งขึ้น

– ไม่ควรนอนดึกเกินไป ควรเข้านอนไม่เกิน 5 ทุ่มจะดีที่สุดและนอนหลับสนิทให้เพียงพอ ในขณะที่ร่างกายได้หลับพักเต็มที่กระบวนการซ่อมแซมตัวเองจะได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

– กรณีที่คุณมีสิวเห่อหนักมากเกินไป หากพยายามรักษาทุกวิธีแล้วยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้พบแพทย์เฉพาะด้านเพื่อรักษาอย่างถูกต้องต่อไป

วิธีรักษาสิวผดด้วยการใช้ยา

หากสาวๆ ต้องการใช้ครีมหรือยารักษาสิวผดควรศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับส่วนประกอบของตัวยานั้นๆ ให้ดีเสียก่อน เนื่องจากในยาหรือครีมบางชนิดอาจมีตัวยาปฏิชีวนะร่วมด้วย

ซึ่งมีผลข้างเคียงคือ อาจทำให้ดื้อยาหรือหากพบว่ามีสารสเตียรอยด์เป็นส่วนผสมก็อาจส่งผลให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัว ผิวบริเวณดังกล่าวจะยิ่งบอบบาง ง่ายต่อการแพ้ หน้าจะยิ่งแดง สิวเห่อหนักและลุกลามจนกระทั่งรักษาหายยากยิ่งขึ้น

การเลือกใช้ยารักษาสิวผดในสาวผิวมันและผิวธรรมดา

1.ควรเลือกใช้ยาที่มีส่วนผสมจากกรดวิตามิน A (Tretinoin) เพราะมีระดับความเข้มข้นหลายแบบให้เลือกใช้ โดยมีตั้งแต่ประมาณ 0.0125% แบบ 0.025% และคุณยังสามารถเพิ่มตัวยาที่มีระดับมากขึ้นได้อีก 0.05% ทั้งนี้ แล้วแต่สภาพผิวหน้าของคุณว่าใช้ในระดับใดแล้วเหมาะสม

โดยวิธีการใช้นั้นควรทาก่อนเข้านอนค่ะ และยาดังกล่าวอาจจะก่อให้มีอาการระคายเคืองผิวเล็กน้อยอยู่บ้าง สำหรับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นคือ ผิวจะแห้งและไวต่อแสง

ดังนั้น จึงไม่ควรทาตอนกลางวัน เพราะตัวยาจากครีมจะกระตุ้นให้ผิวเกิดอาการแพ้แดดมากขึ้น

2.ใช้ยารักษาที่มีส่วนผสมจาก Benzoyl Peroxide ซึ่งยาดังกล่าวจะมีระดับความเข้มข้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 2.5% โดยใช้ทาบนผิวหน้าก่อนล้างหน้าให้ทั่วแล้วปล่อยทิ้งไว้ 5-20 นาที

ทำเช่นนี้วันละ 1-2 ครั้ง ยาชนิดนี้อาจทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคืองเล็กน้อย ผิวจะแห้งและไวต่อแดดเช่นเดียวกัน

3.กรณีสาวๆ ที่ไม่ได้ใช้ยา Benzoyl Peroxide หรือหากใช้แล้วเกิดอาการแพ้ คุณสามารถใช้ครีมหรือใช้แป้งที่มีคุณสมบัติช่วยรักษาสิวโดยมีส่วนผสมจาก Resorcinol ทาผิวหน้าแทนก็ได้

การเลือกใช้ยารักษาสิวผดในสาวผิวแห้ง ผิวผสมและผิวแพ้ง่าย

1.ควรเลือกใช้ยาที่มีส่วนผสมจาก Selenium Sulfide โดยนำมาทาหน้าทิ้งไว้สักครู่แล้วล้างออก คุณสมบัติของมันจะช่วยละลายหัวสิว ไม่ว่าคุณจะมีสิวอุดตันหรือแม้แต่สิวผดก็ตามซึ่งควรใช้วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น

2.ใช้ยาที่มีส่วนผสมจาก Ketoconazole Cream โดยทาก่อนนอน หากมีสิวผดขึ้นมากร่วมกับมีอาการคันหรือหากสิวผดนั้นเกิดขึ้นมาจากเชื้อยีสต์ด้วยแล้วล่ะก็ การใช้ยาตัวนี้จะรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าตัวยาชนิดอื่น

3.ใช้ยาที่มีส่วนผสมจาก Zine PCA ยาดังกล่าวเหมาะสมสำหรับสาวๆ ที่มีสิวผดในกรณีที่เกิดจากการแพ้เครื่องสำอาง

นอกเหนือจากนี้ เพื่อการรักษาสิวผดร่วมกับการทายาให้หายรวดเร็วยิ่งขึ้น หากสาวๆ มีสิวผดที่ลุกลามหนักอย่างรุนแรงก็สามารถทานยารักษาสิวไปพร้อมกันด้วยได้

เช่น ยาแก้อักเสบหรือหากมีอาการคันก็ควรทานยา KETOTOP ร่วมด้วย การรักษาสิวผดก็จะได้มาพร้อมผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การรักษาสิวผดนั้นอาจไม่จำเป็นถึงขั้นต้องทานยาร่วมด้วยเสมอไปก็ได้นะคะ เพราะการใช้ยารักษาสิวไม่ว่าจะเป็นยาทานหรือยาทาล้วนแล้วแต่เป็นการรักษาที่ปลายเหตุทั้งสิ้น

หากเราดูแลผิวไม่ดีพอก็ย่อมเสี่ยงต่อการเกิดสิวผดขึ้นได้เรื่อยๆ อีกอยู่แล้ว จึงย่อมไม่เป็นผลดีแน่นอนหากเราจะอาศัยการใช้ยาเพื่อรักษาที่ปลายเหตุระยะยาวเสมอไป

ดังนั้น หนทางรับมือและป้องกันสิวผดได้ดีที่สุด ง่ายมาก.. เพียงหมั่นพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดซึ่งเป็นตัวการหลักอันทำให้เกิดสิว

หลีกเลี่ยงความเครียด ทำให้ใจผ่อนคลายเบาสบายและเข้านอนเร็ว นอนพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์และรักษาความสะอาดใบหน้าทันทีที่กลับมาถึงบ้าน

เพียงเท่านี้ ก็สามารถช่วยรักษาสิวผดให้ทุเลาลงในแบบธรรมชาติได้เองแล้ว และยังสามารถป้องกันการลุกลามของสิวผดได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดอีกด้วย