ในงานพูดที่น่าสนใจของ Richard Davidson เขาได้เน้นย้ำว่า ความเป็นอยู่ที่ดี (Well-being) ไม่ใช่แค่สภาวะจิตใจที่เกิดขึ้นเอง แต่เป็น ทักษะ ที่เราสามารถพัฒนาและฝึกฝนให้ดีขึ้นได้ผ่านการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เขาเปรียบเทียบความเป็นอยู่ที่ดีกับการเรียนรู้การเล่นเครื่องดนตรี เช่น เชลโล ที่ต้องใช้ความพยายามและการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ Davidson ชี้ให้เห็นถึง 4 องค์ประกอบหลักของความเป็นอยู่ที่ดีที่ได้รับการพิสูจน์จากงานวิจัยด้านประสาทวิทยา ได้แก่ ความยืดหยุ่น (Resilience), มุมมองเชิงบวก (Outlook), สมาธิ (Attention) และ ความเอื้อเฟื้อ (Generosity)
ความยืดหยุ่น: การฟื้นตัวจากความยากลำบาก
Davidson อธิบายว่า ความยืดหยุ่นคือความสามารถในการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากความทุกข์หรืออุปสรรค เขาเน้นถึงความสำคัญของวงจรประสาทที่เกี่ยวข้องกับความยืดหยุ่น และระบุว่าการพัฒนาทักษะนี้ต้องใช้การฝึกสมาธิแบบมีสติ (Mindfulness Meditation) นานถึง 6,000-7,000 ชั่วโมง ก่อนที่เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในวงจรประสาทเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น คุณนิด พนักงานออฟฟิศที่เคยเครียดกับงานจนนอนไม่หลับ หลังจากฝึกสมาธิวันละ 20 นาทีเป็นเวลา 1 ปี เธอพบว่าตัวเองรับมือกับความกดดันได้ดีขึ้นและกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง นี่คือการลงทุนระยะยาวที่ต้องใช้ความอดทนและความมุ่งมั่น
มุมมองเชิงบวก: ฝึกได้เร็วด้วยความเมตตา
ในทางกลับกัน การมีมุมมองเชิงบวกและการชื่นชมสิ่งดีงามในผู้อื่นสามารถพัฒนาได้เร็วกว่าผ่านการฝึกฝนความเมตตา (Compassion Training) งานวิจัยเผยว่า แม้แต่การฝึกเพียงระยะสั้น ๆ ก็สามารถเสริมสร้างวงจรในสมองที่เกี่ยวข้องกับมุมมองเชิงบวกได้ ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น คุณโจ้ เด็กหนุ่มที่เคยมองโลกในแง่ร้าย หลังจากฝึกนึกถึงความดีของเพื่อนและครอบครัววันละ 5 นาทีเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เขาเริ่มยิ้มบ่อยขึ้นและรู้สึกขอบคุณสิ่งรอบตัวมากขึ้น
สมาธิ: รากฐานของความสุข
สมาธิเป็นสิ่งสำคัญต่อความเป็นอยู่ที่ดี แต่ในยุคนี้เรามักถูกรบกวนได้ง่าย Davidson อ้างอิงงานวิจัยที่ระบุว่า ผู้ใหญ่โดยเฉลี่ยใช้ชีวิตเกือบ 47% ของเวลาตื่น โดยขาดสมาธิ ซึ่งนำไปสู่ความไม่มีความสุข เขาแนะนำว่า การฝึกสมาธิแบบมีสติสามารถช่วยพัฒนาสมาธิ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการตัดสินใจและการพัฒนาบุคลิกภาพ ตัวอย่างเช่น คุณตั้ม นักเรียนมัธยมที่เคยติดโทรศัพท์จนผลการเรียนตก หลังจากฝึกหายใจลึก ๆ และตั้งใจเรียนวันละ 15 นาที เขาสังเกตว่าตัวเองจดจ่อกับบทเรียนได้นานขึ้นและเกรดดีขึ้นด้วย
ความเอื้อเฟื้อ: พลังที่ยั่งยืน
สุดท้าย ความเอื้อเฟื้อถูกพิสูจน์แล้วว่าสามารถกระตุ้นวงจรสมองที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีได้ เช่น คุณปุ๊ก แม่ค้าที่เริ่มต้นวันด้วยการแจกข้าวฟรีให้คนยากไร้ 1 ถุงทุกเช้า เธอบอกว่ารู้สึกมีความสุขลึก ๆ ในใจมากกว่าตอนได้กำไรเยอะ ๆ เสียอีก
Davidson สรุปว่า องค์ประกอบทั้งสี่นี้มีความเชื่อมโยงกัน และสามารถพัฒนาได้ผ่านการฝึกฝนอย่างตั้งใจ ใจความสำคัญของการพูดครั้งนี้คือ เราทุกคนสามารถรับผิดชอบต่อสุขภาพจิตของตัวเองได้ โดยการฝึกฝนจิตใจอย่างมีเป้าหมาย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเรา
ไฮไลต์สำคัญ
- ความเป็นอยู่ที่ดีเหมือนการเล่นดนตรี – ต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ
- ความยืดหยุ่นต้องใช้เวลา – ฝึกนานถึง 6,000-7,000 ชั่วโมงเพื่อเปลี่ยนแปลงสมอง
- มุมมองเชิงบวกพัฒนาได้เร็ว – การฝึกความเมตตาให้ผลลัพธ์ในเวลาสั้น ๆ
- 47% ของชีวิตขาดสมาธิ – ส่งผลต่อความสุขอย่างมาก
- สมาธิกำหนดตัวตน – เป็นรากฐานของการพัฒนาตัวเอง
- ความเอื้อเฟื้อสร้างความสุขยั่งยืน – กระตุ้นสมองในแบบที่รางวัลทั่วไปทำไม่ได้
- เราสามารถกำหนดจิตใจได้ – ด้วยการฝึกฝนอย่างตั้งใจ
ข้อคิดที่น่าสนใจ
- ความยืดหยุ่นต้องใช้ความพยายาม: การเปลี่ยนแปลงวงจรสมองด้านความยืดหยุ่นต้องใช้เวลานาน แสดงถึงความสำคัญของความทุ่มเท
- มุมมองดี ๆ เริ่มได้ทันที: การฝึกความเมตตาเพียง 2 สัปดาห์ก็เปลี่ยนแปลงสมองได้อย่างถาวร
- จิตที่ล่องลอยคือโอกาส: การที่เราขาดสมาธิเกือบครึ่งชีวิตชี้ให้เห็นถึงพลังของการมีสติ
- สมาธิสร้างตัวตน: Davidson อ้างคำพูดของ William James ว่า สมาธิเป็นรากฐานของการพัฒนาคุณลักษณะและการตัดสินใจ
- ความเอื้อเฟื้อทรงพลัง: การให้ไม่เพียงสร้างความสุข แต่ยังมีผลยั่งยืนกว่าการรับรางวัลทั่วไป
- รับผิดชอบจิตใจตัวเอง: เราสามารถฝึกฝนทั้ง 4 ด้านนี้เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นได้
- ความสุขอยู่ในมือเรา: ความเป็นอยู่ที่ดีไม่ใช่สิ่งที่รอให้เกิด แต่เป็นทักษะที่ทุกคนเข้าถึงได้ด้วยความพยายาม
Richard Davidson ทิ้งท้ายไว้ว่า ความเป็นอยู่ที่ดีไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นสิ่งที่เราสามารถฝึกฝนได้ทุกวัน ด้วยการลงมือทำอย่างตั้งใจ คุณพร้อมหรือยังที่จะเริ่มต้นกำหนดจิตใจและชีวิตของตัวเอง?
อ้างอิง