รู้จัก “คนเป็นพิษ”: สัญญาณ อิทธิพล และวิธีรับมือเพื่อชีวิตที่สมดุลขึ้น

ในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน หรือในกลุ่มเพื่อน เราอาจเคยเจอคนบางประเภทที่ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยหน่าย เครียด หรือหมดกำลังใจโดยไม่รู้ตัว คนเหล่านี้มักถูกเรียกว่า “คนเป็นพิษ” (Toxic People) ซึ่งอาจมีพฤติกรรมที่บั่นทอนจิตใจและสุขภาพจิตของผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง

แม้พวกเขาจะไม่ได้เป็นโรคทางจิตเวชโดยตรง แต่การกระทำของพวกเขาก็สามารถส่งผลเสียรุนแรงได้ ดังนั้น การเข้าใจพฤติกรรมของคนเป็นพิษ รู้เท่าทันผลกระทบ และเรียนรู้วิธีรับมืออย่างเหมาะสม จึงเป็นก้าวสำคัญในการสร้างชีวิตที่มีความสุขและสมดุลมากขึ้น


พฤติกรรมแบบไหนเรียกว่า “เป็นพิษ”?

พฤติกรรมของคนเป็นพิษมักมีลักษณะที่ส่งผลกระทบทางลบอย่างต่อเนื่อง โดยจุดร่วมสำคัญคือ “ทำให้ผู้อื่นรู้สึกแย่” ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ต่อไปนี้คือสัญญาณเตือนหลัก 10 ข้อ ที่บ่งบอกว่าคุณอาจกำลังเจอกับคนเป็นพิษ:

  1. ชอบบงการและทำให้รู้สึกผิด – ใช้อารมณ์หรือคำพูดควบคุมให้คุณรู้สึกผิดเมื่อต้องการปกป้องตัวเอง
  2. ไม่เคยรับผิดชอบ – มักโยนความผิดให้คนอื่นเสมอ
  3. สร้างดราม่าเป็นประจำ – ทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่เพื่อเรียกร้องความสนใจ
  4. ชอบดูถูกหรือตำหนิผู้อื่น – ทำลายความมั่นใจของคนรอบข้าง
  5. เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง – ไม่แคร์ความรู้สึกของคนอื่น
  6. แพร่กระจายพลังลบ – มองทุกอย่างในแง่ร้าย และชักจูงให้คนอื่นรู้สึกเช่นเดียวกัน
  7. ผิดสัญญาหรือไม่น่าเชื่อถือ – ไม่สามารถพึ่งพาได้
  8. เล่นบทเหยื่อ – ทำตัวน่าสงสารเพื่อเบี่ยงเบนความรับผิดชอบ
  9. หลีกเลี่ยงการถูกตำหนิ – ไม่เคยยอมรับความผิดของตน
  10. หักหลังซ้ำซาก – โกหก หลอกลวง หรือไม่ซื่อสัตย์อย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลจาก WebMD (2024) ระบุว่า พฤติกรรมเหล่านี้อาจเป็นผลจากการจัดการความเครียดที่ล้มเหลว หรือประสบการณ์ชีวิตในอดีต เช่น การเลี้ยงดูแบบไม่มีความอบอุ่น


ผลกระทบต่อสุขภาพจิต: ร้ายแรงกว่าที่คิด

การอยู่ใกล้ชิดหรือมีความสัมพันธ์กับคนเป็นพิษ ไม่ใช่แค่ “รู้สึกไม่ดี” แต่ยังส่งผลจริงจังต่อสุขภาพจิต รายงานจาก Prime Behavioral Health (2024) พบว่าผู้ที่ตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ มีโอกาสแสดงอาการวิตกกังวลและซึมเศร้าเพิ่มขึ้นถึง 50%

ผลกระทบที่พบบ่อย ได้แก่:

  • ความมั่นใจลดลง
  • รู้สึกหมดพลัง ไม่มีแรงบันดาลใจ
  • เกิดอาการทางร่างกาย เช่น อ่อนเพลียหรือป่วยง่าย
  • ต้องระวังคำพูดหรือการกระทำตลอดเวลา – เปรียบเหมือน “เดินบนเปลือกไข่”

นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษในวัยเด็ก เช่น พ่อแม่ที่กดดันหรือควบคุมมากเกินไป อาจทิ้งร่องรอยไว้ถึงวัยผู้ใหญ่ และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคทางอารมณ์หรือการพึ่งพาสารเสพติด (WebMD, 2024)


วิธีรับมือกับคนเป็นพิษ: อย่าแค่ทน ต้อง “ตอบโต้แบบมีสติ”

หากคุณรู้ตัวว่าอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ ไม่จำเป็นต้องฝืนทน เพราะมีวิธีรับมือที่สามารถช่วยปกป้องตัวคุณเองได้ โดยอ้างอิงจากงานวิจัยและคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ:

  1. ตระหนักรู้และให้คุณค่ากับตัวเอง – เริ่มจากสำรวจความรู้สึกของตัวเองหลังเจอกับบุคคลนั้น ถ้าคุณรู้สึกเหนื่อยใจบ่อย ๆ นั่นอาจเป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม
  2. ตั้งขอบเขตให้ชัดเจน – จำกัดเวลาในการพบเจอ หรือระบุสิ่งที่คุณยอมรับไม่ได้อย่างชัดเจน
  3. ไม่เข้าไปเล่นตามเกมของพวกเขา – หลีกเลี่ยงการเถียงหรือมีส่วนร่วมในดราม่า
  4. พูดคุยกับคนที่คุณไว้ใจ หรือหาผู้เชี่ยวชาญช่วย – นักบำบัดหรือนักจิตวิทยาสามารถช่วยให้คุณมองเห็นสถานการณ์ชัดขึ้น และหาทางออกที่เหมาะสม
  5. รู้ว่าเมื่อไหร่ควรถอย – บางครั้งการยุติความสัมพันธ์ คือการปกป้องสุขภาพจิตของคุณเอง

Greater Good จาก UC Berkeley ยังแนะนำให้ฝึกความเมตตาต่อตัวเอง (self-compassion) และใช้แนวทางที่เรียกว่า “การดูแลตัวเองเชิงรุก” เพื่อเสริมเกราะป้องกันทางอารมณ์


สู่ชีวิตใหม่ที่มีสุขภาพจิตดีขึ้น

การเข้าใจและจัดการกับคนเป็นพิษ ไม่ใช่เพียงแค่การ “เอาตัวรอด” แต่คือการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ตัวเองได้เติบโต มีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แม้เราอาจเปลี่ยนแปลงคนอื่นไม่ได้เสมอไป แต่เราสามารถเปลี่ยนวิธีรับมือของเราได้

ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะอยู่ในความสัมพันธ์ที่เกื้อหนุน ไม่ใช่กัดกร่อน หากคุณเคยรู้สึกว่าต้องอดทนเพราะ “เกรงใจ” หรือ “กลัวจะไม่มีใคร” ลองทบทวนอีกครั้ง เพราะสุขภาพจิตของคุณ…สำคัญกว่าทุกอย่าง


อ้างอิง

  • Prime Behavioral Health. (2024)
  • WebMD. (2024)
  • Greater Good Magazine, UC Berkeley
  • PMC. (2023)