โรคอ้วน (Obesity) เป็นภาวะที่ร่างกายมีไขมันสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายมากเกินปกติ
จนเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งปัจจุบัน องค์การอนามัยโลกได้จัดให้โรคอ้วน
เป็นปัญหาสุขภาพที่จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

โรคอ้วนแบ่งออกเป็น 3 ชนิด จำแนกตามบริเวณที่เกิดการสะสมของไขมัน ได้แก่
- อ้วนลงพุง หมายถึง อ้วนจากการมีไขมันสะสมบริเวณช่องท้องและอวัยวะภายในช่องท้องมากเกินไป มักเกิดในผู้ชาย ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูงได้
- อ้วนสะโพกใหญ่ หรืออ้วนแบบลูกแพร์ มักพบในผู้หญิง
- อ้วนทั้งตัว คือมีทั้งลงพุงและสะโพกใหญ่ร่วมกันซึ่งเป็นอันตรายมาก เพราะจะมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนและโรคที่เกิดจากการมีน้ำหนักตัวมากๆ โดยตรงได้ง่าย เช่น โรคไขข้อเสื่อม ปวดหลัง เหนื่อยง่าย และหายใจลำบาก เป็นต้น
โรคอ้วนมักเป็นอุปสรรคต่อความงามสำหรับผู้หญิง โดยเฉพาะความอ้วนที่ส่งผลต่อปัญหารูปร่างที่ไม่ได้สัดส่วน เช่น ตัวเล็กแต่สะโพกใหญ่ หรือมีหน้าท้อง ต้นแขน และต้นขาใหญ่เกินไป มักเกิดจากการรับประทานอาหารมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการใช้
ซึ่งโดยปกติแล้วอาหารที่เรารับประทานเข้าไปจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานเพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ในการทำงานหรือทำกิจกรรมต่างๆ ดังนั้น หากเรารับประทานอาหารมากเกินความจำเป็น ส่วนที่เหลือใช้ก็จะถูกเปลี่ยนไปเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ในที่สุด
เมื่อโรคอ้วนเกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุลกับร่างกายจะนำไปใช้ได้หมด จนเกิดเป็นไขมันสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ
ดังนั้น การป้องกันโรคอ้วนที่ดีที่สุดจึงหมายถึง การเลือกรับประทานอาหารที่ได้สัดส่วนหรือควบคุมอาหารไม่ให้ร่างกายได้รับเกินความจำเป็น ซึ่งมีหลักง่ายๆ 4 ข้อคือ
- เลือกรับประทานข้าวหรือแป้งที่ผ่านการขัดสีน้อย เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต และธัญพืช เพราะจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายช้าๆ ทำให้อิ่มนาน
- เลือกรับประทานเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน และควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทเนื้อสัตว์แปรรูปทุกชนิด เช่น ไส้กรอก แฮม หรือกุนเชียง เป็นต้น เพราะอาหารเหล่านี้จะให้พลังงานสูงและมีไขมันซ่อนอยู่มาก
- เลือกรับประทานอาหารที่ให้พลังงานต่ำแต่มีเส้นใยสูง ได้แก่ ผัก ผลไม้ ถั่วเมล็ดแห้ง นมรสจืดพร่องมันเนย หรือโยเกิร์ตรสธรรมชาติ เพราะจะช่วยเรื่องการขับถ่ายได้ดี
- เลือกรับประทานไขมันชนิดไม่อิ่มตัว หรือไขมันที่ได้จากพืชซึ่งเป็นไขมันดี เนื่องจากร่างกายจำเป็นต้องได้รับวิตามินซึ่งบางตัวต้องอาศัยไขมันเป็นตัวทำลาย
นอกจากนี้ ควรรู้จักดัดแปลงอาหาร หรือประกอบอาหารที่ให้พลังงานต่ำ เช่น ต้ม นึ่ง ตุ๋น อบ ย่าง หรือผัด แทนการทอดด้วยน้ำมันมากๆ และควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง

5 วิธีง่ายๆ ช่วยคุณหลีกไกลจากโรคอ้วน
[alert-success]โรคอ้วน หรือภาวะที่มีไขมันสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายมากกว่าปกติ ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการได้รับพลังงานที่ได้จากการรับประทานอาหารในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น[/alert-success]
แต่ร่างกายนำพลังงานเหล่านั้นมาใช้ในกิจวัตรประจำวันน้อยเกินไป ทำให้พลังงานในส่วนที่เหลือใช้ถูกเปลี่ยนเป็นไขมันแล้วไปสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ในที่สุด จึงเห็นได้ว่า “ความอ้วน” กับสาวๆ ถือเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันไม่ได้ เพราะเป็นปฏิปักษ์ต่อความงามโดยแท้
อย่างไรก็ดี เมื่อโรคอ้วนเกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุลกับที่ร่างกายจะนำไปใช้ได้หมด ดังนั้น เพื่อเป็นการหลีกไกลจากโรคอ้วนที่ดีที่สุดจึงหมายถึง การเลือกรับประทานอาหารที่ได้สัดส่วน และออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงานที่ร่างกายได้รับเกินพอดีออกไป ซึ่งมีวิธีง่ายๆ ดังนี้
- รับประทานอาหารวันละ 3 มื้อ รวมกับอาหารว่างระหว่างมื้อ ซึ่งควรเป็นมื้อเล็กๆ ที่ไม่ให้พลังงานมากเกินไป จำไว้ว่า อย่าใช้วิธีอดอาหาร เพราะจะทำให้หิวมากขึ้นและรับประทานมากขึ้นกว่าปกติ และอาหารมื้อเย็นจะต้องทานให้เสร็จก่อนเวลา 18.00 น.
- เลือกรับประทานเฉพาะอาหารที่ให้พลังงานต่ำแต่มีเส้นใยอาหารมาก เช่น ผักและผลไม้ เป็นต้น อาจใช้วิธีตั้งปฏิญาณกับตนเองว่าอาทิตย์นี้จะไม่รับประทานของหวานหรือไอศกรีมเลย และพยายามทำให้ได้ เพราะของหวานโดยเฉพาะไอศกรีม เมื่อทานแล้วมักหยุดไม่ค่อยอยู่
- อย่าระบายความโกรธหรือความหงุดหงิดไปกับขนมขบเคี้ยว เพราะจะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว สิ่งสำคัญก็คือ ทานเมื่อหิว อย่าทานเพื่อตอบสนองความอยาก
- จำไว้ว่าไม่มียาวิเศษใดจะช่วยลดความอ้วนได้ เพราะส่วนใหญ่เป็นยากดประสาทที่ทำให้ความอยากอาหารลดลง แต่เมื่อเลิกกินยาแล้วก็จะยิ่งทำให้อ้วนมากขึ้นไปอีก
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควรให้ได้อย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วัน และใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาทีต่อครั้ง เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง และช่วยกระชับสัดส่วน
เมื่อปฏิบัติตามวิธีง่ายๆ ทั้ง 5 ข้อนี้ได้อย่างเคร่งครัดดีแล้ว ก็โบกมือลาโรคอ้วนไปชั่วนิรันดร์ได้เลยค่ะ