อาการตาแห้ง: สาเหตุ อาการ และวิธีดูแลดวงตา

อาการตาแห้ง (Dry Eye Syndrome) ไม่ใช่แค่ความรู้สึกไม่สบายตา แต่เป็นภาวะที่อาจส่งผลต่อสุขภาพดวงตาและคุณภาพชีวิตได้ หากคุณรู้สึกคันตา แสบตา หรือเหมือนมีอะไรอยู่ในตา นี่อาจเป็นสัญญาณของอาการตาแห้ง บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับสาเหตุ อาการ วิธีป้องกัน และการรักษาอาการตาแห้ง พร้อมคำแนะนำที่เข้าใจง่ายและทันสมัย


น้ำตาคืออะไร และสำคัญอย่างไร?

น้ำตาไม่ใช่แค่น้ำที่ไหลเมื่อเราร้องไห้ แต่เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ดวงตาทำงานได้ดี ทุกครั้งที่เรากระพริบตา น้ำตาจะถูกผลิตจากต่อมน้ำตาเพื่อ:

  • หล่อลื่นดวงตา: ป้องกันการระคายเคืองและรักษาความชุ่มชื้นของกระจกตา
  • ปกป้องดวงตา: ขจัดฝุ่น เชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอม
  • บำรุงกระจกตา: ส่งสารอาหารไปยังกระจกตา ซึ่งไม่มีหลอดเลือด

น้ำตาประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ น้ำ (ให้ความชุ่มชื้น), น้ำมัน (ป้องกันการระเหย), และเมือก (ช่วยกระจายน้ำตาให้ทั่วถึง) หากส่วนใดส่วนหนึ่งขาดสมดุล อาจนำไปสู่อาการตาแห้งได้ (American Academy of Ophthalmology, 2023).


อาการของตาแห้ง

อาการตาแห้งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่ที่พบบ่อย ได้แก่:

  • แสบตา หรือรู้สึกเหมือนมีอะไรกัดในตา
  • คันตา หรือรู้สึกระคายเคือง
  • รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในตา
  • ตาแดง หรือไวต่อแสง
  • มองเห็นภาพเบลอ หรือเห็นภาพซ้อน
  • สายตาล้า โดยเฉพาะเมื่ออ่านหนังสือหรือใช้หน้าจอนานๆ
  • น้ำตาไหลมากผิดปกติ (เพื่อชดเชยความแห้ง)

หากมีอาการเหล่านี้ต่อเนื่อง ควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์ (Mayo Clinic, 2024).


สาเหตุของอาการตาแห้ง

อาการตาแห้งเกิดจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การผลิตน้ำตาไม่เพียงพอ หรือน้ำตาที่ผลิตมีคุณภาพต่ำ สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่:

1. อายุและฮอร์โมน

  • เมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะหลัง 50 ปี ต่อมน้ำตาจะผลิตน้ำตาน้อยลง ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนมีความเสี่ยงสูงขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน (National Eye Institute, 2022).
  • ผู้หญิงประมาณ 60% ที่มีอาการตาแห้งเป็นผู้ที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือนหรือใกล้ถึงวัยนี้.

2. โรคและยา

  • โรคบางอย่าง เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง (Sjögren’s syndrome), เบาหวาน, ไขข้ออักเสบ, หรือปัญหาต่อมไทรอยด์ เพิ่มความเสี่ยงตาแห้ง.
  • ยาบางชนิด เช่น ยาต้านซึมเศร้า, ยาลดความดันโลหิต, หรือยาแก้แพ้ อาจลดการผลิตน้ำตา (Cleveland Clinic, 2023).

3. สิ่งแวดล้อมและพฤติกรรม

  • สภาพอากาศแห้ง ลมแรง หรือมลพิษ เช่น ฝุ่น PM2.5 ในเมืองใหญ่ของไทย อาจทำให้ตาแห้ง.
  • การใช้หน้าจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตนานๆ ลดการกระพริบตา ทำให้ตาแห้ง (American Optometric Association, 2024).
  • การใส่คอนแทคเลนส์ หรือการทำเลสิก (LASIK) อาจรบกวนการกระจายน้ำตา.

4. ปัจจัยอื่นๆ

  • การขาดวิตามิน A หรือการรับประทานอาหารที่มีโอเมก้า-3 น้อยเกินไป อาจส่งผลต่อคุณภาพน้ำตา.
  • การสูบบุหรี่หรืออยู่ในที่ที่มีควันบุหรี่อาจทำให้ตาระคายเคืองมากขึ้น.

วิธีป้องกันอาการตาแห้ง

การดูแลดวงตาให้ห่างไกลจากอาการตาแห้งสามารถทำได้ด้วยวิธีง่ายๆ ดังนี้:

  • กระพริบตาบ่อยๆ: โดยเฉพาะเมื่อใช้หน้าจอ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของดวงตา.
  • ใช้กฎ 20-20-20: ทุก 20 นาที มองไปที่ระยะ 20 ฟุต เป็นเวลา 20 วินาที เพื่อพักสายตา (American Academy of Ophthalmology, 2023).
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: วันละ 8-10 แก้ว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นในร่างกาย.
  • ใช้เครื่องเพิ่มความชื้น (humidifier): ในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศหรืออากาศแห้ง.
  • สวมแว่นกันแดดหรือแว่นป้องกันลม: เพื่อลดการสัมผัสฝุ่นและลม.
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เช่น ปลาที่มีโอเมก้า-3 (แซลมอน, ทูน่า) และผักใบเขียวที่อุดมด้วยวิตามิน A.

การรักษาอาการตาแห้ง

การรักษาอาการตาแห้งขึ้นอยู่กับความรุนแรงและสาเหตุ โดยมีตัวเลือกดังนี้:

  1. น้ำตาเทียม: หยอดตาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น เหมาะสำหรับอาการเล็กน้อย.
  2. ยาหยอดตาต้านการอักเสบ: เช่น cyclosporine หรือ lifitegrast ช่วยลดการอักเสบของต่อมน้ำตา (Mayo Clinic, 2024).
  3. ฝังปลั๊กน้ำตา (punctal plugs): อุปกรณ์ขนาดเล็กที่ปิดท่อน้ำตาเพื่อกักเก็บน้ำตาไว้บนผิวดวงตา.
  4. ปรับพฤติกรรม: เช่น ลดเวลาการใช้หน้าจอ หรือหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีควัน.
  5. การรักษาเฉพาะทาง: ในกรณีรุนแรง จักษุแพทย์อาจแนะนำการผ่าตัดเล็กหรือการใช้เลนส์พิเศษ.

เมื่อใดควรพบแพทย์?

หากอาการตาแห้งไม่ดีขึ้นหลังใช้ น้ำตาเทียม หรือมีอาการต่อไปนี้ ควรรีบพบจักษุแพทย์ทันที:

  • ตาแดงรุนแรงหรือปวดตา
  • มองเห็นไม่ชัดอย่างต่อเนื่อง
  • รู้สึกไวต่อแสงมากผิดปกติ
  • มีอาการอื่นร่วม เช่น ปากแห้ง (อาจบ่งบอกถึง Sjögren’s syndrome)

อาการตาแห้งเป็นภาวะที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในยุคที่เราใช้หน้าจอดิจิทัลเป็นเวลานานและเผชิญกับมลพิษในเมือง การดูแลดวงตาด้วยวิธีง่ายๆ เช่น การกระพริบตาบ่อยๆ ดื่มน้ำเพียงพอ และใช้ น้ำตาเทียม สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ แต่หากอาการรุนแรงหรือต่อเนื่อง อย่าลังเลที่จะปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ อย่าปล่อยให้มันแห้งผาก!


อ้างอิง