แอปเปิ้ลไซเดอร์ ประโยชน์ดีๆ ที่มีต่อสุขภาพ

แอปเปิ้ลไซเดอร์ หรือ น้ำส้มสายชู ที่เกิดจากกระบวนการหมักน้ำแอปเปิ้ลสด ผสมเข้ากับยีสต์ จนได้เป็นแอลกอฮอล์ โดยกระบวนการนี้จะทำให้เกิดกรดอะซิติก เป็นสารชีวภาพที่เกิดจากการหมักหรือการบ่ม

จุดเด่นของแอปเปิ้ลไซเดอร์หรือน้ำส้มสายชูที่ว่านี้ คือ มีรสเปรี้ยวและมีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ว่ากันว่าแอปเปิ้ลไซเดอร์นั้น มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก

แอปเปิ้ลไซเดอร์ นั้นอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย เช่น วิตามิน B1,B2, B6 แคลเซียม โซเดียม โพแทสเซียม ไบโอติน เพคติน และธาตุเหล็ก เป็นต้น

โดยน้ำส้มสายชูหรือแอปเปิ้ลไซเดอร์ที่วางขายทั่วไปนั้น มีส่วนประกอบที่แตกต่างกันออกไป ตามกระบวนการหมักหรือการบ่ม เนื่องจากผู้ผลิตแต่ละราย มีการบ่ม และใส่ส่วนผสมที่ไม่เหมือนกัน โดยทั่วไปแล้วจะประกอบไปด้วยน้ำ กรดซิตริก 0-18.5 เปอร์เซ็นต์ กรดอะซิติก 1-10.57 เปอร์เซ็นต์ ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม น้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์ ที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัย ถูกกำหนดโดยองค์กรของประเทศสหรัฐอเมริกาว่าจะต้องมีความเข้มข้นของกรดอะซิติก 5-6 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์น้ำส้มสายชูกลั่นขาวที่อยู่ในครัวเรือน

น้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์ แตกต่างจาก ไซเดอร์น้ำส้มสายชู (แอปเปิ้ลไซเดอร์ เวเนการ์) อย่างไร

หลายคนอาจจะสับสนระหว่างน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์ กับไซเดอร์น้ำส้มสายชู เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกันก็คือ เป็นกระบวนการที่เกิดจากการหมักน้ำผลไม้ แต่จริง ๆ แล้วทั้ง 2 อย่างนี้มีความแตกต่างกัน ดังนี้

แอปเปิ้ลไซเดอร์ หรือน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์ (ACV) เกิดจากกระบวนการนำน้ำแอปเปิ้ลไปหมัก หลังจากนั้นจึงเติมยีสต์ลงไป โดยกระบวนการนี้จะทำให้เกิดแอลกอฮอล์ ต่อมาก็จะเกิดเป็นกรดอะซิติกและกรดมาลิกทำให้มีรสเปรี้ยว

ไซเดอร์น้ำส้มสายชู คือน้ำผลไม้หมัก ที่เป็นผลไม้ชนิดอื่น ๆ เช่น ราสเบอรี่ โดยกระบวนการนี้อาจมีการเพิ่มใส่ผสมของน้ำส้มสายชูไวน์ขาวลงไป

ในส่วนน้ำส้มสายชูที่มีสีขาวหรือ white vinegar เป็นน้ำส้มสายชูที่ใช้ประกอบอาหารในครัวเรือนของแต่ละบ้าน ซึ่งจะไม่ได้เกิดจากกระบวนการหมัก แต่จะเกิดจากกระบวนการกลั่นแทน น้ำส้มสายชูสีขาว

นอกจากจะใช้ประกอบอาหารได้แล้วยังใช้ในการทำความสะอาดแทนสารเคมีที่เป็นอันตรายได้อีกด้วย แต่สำหรับน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ที่จะเกิดจากกระบวนการหมักน้ำแอปเปิ้ล จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพและร่างกายมากกว่า

ประโยชน์ของแอปเปิ้ลไซเดอร์

1.ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่

นักวิจัยค้นพบว่าแอปเปิ้ลไซเดอร์ มีคุณสมบัติที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และที่สำคัญยังสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้อีกด้วย เนื่องจากกรดอะซิติกในน้ำส้มสายชูหมัก หรือแอปเปิ้ลไซเดอร์นั้น สามารถตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลินในร่างกายได้ดี ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่นั่นเอง

จึงส่งผลดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยมีงานวิจัยค้นพบว่าส่วนผสมที่อยู่ในแอปเปิ้ลไซเดอร์ นั้นมีความคล้ายคลึงกับยา Metformin (เมทฟอร์มิน) เป็นยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน แต่ยาชนิดนี้มีผลข้างเคียง อาจทำให้เกิดอาการง่วงซึม ท้องร่วง คลื่นไส้ อาเจียน และอื่น ๆ แต่แอปเปิ้ลไซเดอร์นั้นมีความปลอดภัยมากกว่า และไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใด ๆ หากดื่มในปริมาณที่เหมาะสม

2.ช่วยควบคุมน้ำหนัก และลดไขมัน

กรดอะซิติกมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งความอยากอาหาร และมีคุณสมบัติในการช่วยลดไขมันในเลือดได้เป็นอย่างดี เรื่องนี้ได้รับการวิจัยและศึกษามาแล้วว่าผู้ที่ดื่มน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์จะทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น และมีการรับประทานอาหารระหว่างวันน้อยลง จึงส่งผลดีในเรื่องของการควบคุมน้ำหนักนั่นเอง

จากทดลองในผู้ป่วยที่เป็นโรคอ้วน โดยให้พวกเขาดื่มน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ 30 ml ต่อวัน ผลปรากฏว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคอ้วนนั้นมีน้ำหนักตัวค่าดัชนีมวลกายลดลง รวมถึงปริมาณไขมันในเส้นเลือดลดลงตามไปด้วย เมื่อดื่มติดต่อกันเป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้การดื่มน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์สามารถช่วยควบคุมน้ำหนัก และยังช่วยลดปัญหาอ้วนลงพุงได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

3.ช่วยรักษาอาการเจ็บคอ

หลายคนนิยมนำน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์มากลั้วปาก เพราะมีส่วนช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อโรคที่สะสมอยู่ในช่องปากที่สำคัญน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ยังสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ก่อนนำน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์มาบ้วนปากหรือดื่ม ควรจะเจือจางด้วยน้ำเปล่าในปริมาณที่ระบุไว้บนผลิตภัณฑ์หรือตามคำแนะนำบนฉลาก เนื่องจากแอปเปิ้ลไซเดอร์นั้นมีฤทธิ์ที่เป็นกรดสูง หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดอันตรายต่อลำคอและช่องปากได้

4.ช่วยขจัดรังแคบนหนังศีรษะ

สรรพคุณของน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ สามารถช่วยขจัดรังแคที่อยู่บนหนังศีรษะได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหารังแค และอาการคันหนังศีรษะที่มักเกิดขึ้นกับสาว ๆ เพียงแค่นำน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์มาเจือจางกับน้ำเปล่า ก่อนนำมาชโลมบนหนังศีรษะ หมักทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที และล้างออกด้วยน้ำสะอาด โดยหมั่นทำแบบนี้เป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จะยิ่งได้ประสิทธิภาพในการกำจัดรังแคที่ดีขึ้น

5.ใช้ทำความสะอาดใบหน้า

น้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์สามารถใช้แทนโทนเนอร์ได้ เพราะมีคุณสมบัติในการทำความสะอาดผิวหน้า ทั้งคราบเครื่องสำอางคราบฝุ่น หรือคราบแบคทีเรียต่าง ๆ ได้อย่างหมดจด ช่วยลดปัญหาการเกิดสิวอุดตันได้เป็นอย่างดี เพียงนำน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ส่วนมาผสมกับน้ำเปล่า 2 ส่วน

หลังจากนั้นจึงใช้สำลีชุบ ก่อนนำมาเช็ดที่บริเวณผิวหน้า แต่สำหรับคนที่มีผิวหน้าบอบบาง ควรระมัดระวังให้ดีเป็นพิเศษ และต้องเจือจางความเข้มข้นของน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ให้อ่อนลงกว่านี้ โดยอาจจะเพิ่มส่วนผสมของน้ำเปล่าในอัตรา 3-4 ส่วน

6.บรรเทาอาการผิวไหม้ที่เกิดจากแสงแดด

หลายคนทราบดีอยู่แล้วว่ารังสี UV ที่อยู่ในแสงแดดนั้น คอยทำร้ายผิวให้แห้งเสีย เกิดริ้วรอย ความหย่อนคล้อย ทำให้คุณมีใบหน้าที่หมองคล้ำ และที่สำคัญคือ ทำให้ผิวไหม้แดด จนมีอาการแสบร้อนต่าง ๆ ตามมา และแอปเปิ้ลไซเดอร์ก็มีคุณสมบัติที่โดดเด่นในเรื่องของการช่วยบรรเทาอาการผิวไหม้ที่เกิดจากแสงแดดได้เป็นอย่างดี

เพียงแค่นำน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ใส่ลงไปในขวดสเปรย์และฉีดพ่นลงบนผิวหนังในบริเวณผิวหนังที่มีอาการไหม้ หลังจากนั้นใช้ผ้าซับน้ำออกเบา ๆ หรือจะใช้ผสมลงไปในน้ำอาบแทนก็ได้

อย่างไรก็ตาม ควรจะเจือจางด้วยน้ำเปล่าในอัตราส่วนที่เหมาะสม ซึ่งเราจะเน้นย้ำเสมอว่าน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์นั้นมีฤทธิ์ของความเป็นกรดเข้มข้นสูง หากไม่มีการเจือจางด้วยน้ำเปล่าก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่าง ๆ ตามมาได้

 

เมื่อได้รู้คุณประโยชน์ที่สำคัญของน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ไปแล้ว ต่อมาเราจะขอแนะนำการใช้น้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย โดยมีข้อควรระวัง ดังต่อไปนี้

  • แอปเปิ้ลไซเดอร์ หากใช้เพื่อรับประทาน ไม่ควรรับประทานเกินวันละ 237 มิลลิลิตรต่อวัน เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหรืออันตรายต่อร่างกายตามมา ยกตัวอย่างเช่น เกิดภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน หรือมีอาการเจ็บกล่องเสียง แสบร้อนในช่องปากและลำคอ เป็นต้น
  • ผู้หญิงที่อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ไม่ควรรับประทานน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ในปริมาณมาก หรือมีความเข้มข้นสูงเพราะอาจทำให้ไม่ปลอดภัย ทั้งต่อร่างกายคุณแม่และทารกที่อยู่ในครรภ์
  • การดื่มน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์หรือใช้ประโยชน์ต่อผิวหนัง ควรทำการเจือจางด้วยน้ำเปล่าก่อนทุกครั้ง เพื่อลดความเข้มข้นของกรดและเป็นการป้องกันไม่ให้ผิวไหม้
  • สำหรับคนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ควรระมัดระวังเพราะแอปเปิ้ลไซเดอร์นั้นอาจทำให้เกิดปฏิกิริยากับยาบางชนิดที่คุณรับประทานอยู่ เช่น ยารักษาโรคหัวใจ ยาขับถ่าย ยาขับปัสสาวะ หรือยารักษาโรคเบาหวาน เป็นต้น เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหรืออันตรายต่าง ๆ ตามมา หากต้องการรับประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง

ทั้งหมดนี้ก็คือ สาระน่ารู้เกี่ยวกับแอปเปิ้ลไซเดอร์พร้อมประโยชน์ที่คุณอาจไม่เคยรู้จากที่ไหนมาก่อน เชื่อว่าทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคนที่กำลังมองหาแอปเปิ้ลไซเดอร์มาดื่ม

หรือเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านใดด้านหนึ่ง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแอปเปิ้ลไซเดอร์นั้นจะมีประโยชน์เป็นอย่างมาก แต่หากผู้ใช้ ใช้ในทางที่ผิดหรือใช้ไม่เหมาะสม ก็อาจทำให้เกิดอันตรายต่าง ๆตามมาได้เช่นเดียวกัน