อย่าปล่อยให้ผิวของคุณสูญเสียความชุ่มชื้นเมื่ออายุมากขึ้น

หนึ่งในสัญญาณการแก่ชราที่เห็นได้ชัดคือผิวแห้งกร้าน และขาดความชุ่มชื้น แม้การเปลี่ยนแปลงบางอย่างของผิวเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่ออายุมากขึ้น แต่ปัญหาความแห้งกร้านไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องเกิดขึ้น หากดูแลอย่างถูกวิธีเราสามารถรักษาประสิทธิภาพของผิวหนัง ในการคงความชุ่มชื้นไว้ได้

เหตุใดผิวจึงแห้งเมื่ออายุมากขึ้น

เมื่ออายุมากขึ้น ความสามารถในการคงความชุ่มชื้นของผิวจะลดลง เนื่องจากผิวอ่อนแอลง จึงไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผิวประกอบด้วยไขมันอย่าง เซราไมด์ กรดไขมัน คอเลสเตอรอล และสารดูดซับความชื่มชื้น เช่น กรดไฮยาลูรอนิก สารเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวรองรับเพื่อกักเก็บน้ำไว้ในผิว

อย่างไรก็ดี ระดับของสารเหล่านี้จะค่อยๆ ลดลงตามอายุ งานวิจัยพบว่าปริมาณเซราไมด์ลดลง ส่งผลให้เกิดการระบายความชื่มชื้นและความแห้งกร้าน เช่นเดียวกับกรดไฮยาลูรอนิก ที่อายุ 50 ปี เรามีปริมาณกรดนี้เหลืออยู่เพียงครึ่งหนึ่งของระดับปกติ การขาดกรดไขมัน สควาลีนและคอเลสเตอรอลก็นำไปสู่ผิวแห้งเช่นกัน

เมื่อชั้นปกป้องความชุ่มชื้นผิวเสื่อมประสิทธิภาพ ผิวก็จะเก็บรักษาน้ำไว้ไม่อยู่ ทำให้เกิดอาการตึงแห้งกร้านตามวัยที่สูงขึ้น

3 วิธีรักษาความชุ่มชื้นผิว

ข่าวดีก็คือ เราสามารถป้องกันและรักษาปัญหาความแห้งกร้านโดยการเสริมสร้างผิวให้แข็งแรง ต่อไปนี้คือ 3 วิธีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากงานวิจัย

Photo by Yilmaz Akin on Unsplash

1. เติมชั้นปกป้องความชุ่มชื้นจากภายนอก

วิธีตรงไปตรงมาที่สุดคือใช้ครีมและโลชั่นบำรุงผิวที่เติมเต็มระดับไขมันและความชุ่มชื้นในผิว ให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเช่น เซราไมด์ กรดไขมัน คอเลสเตอรอล กรดอะมิโน เปปไทด์ กรดไฮยาลูรอนิก และสควาลีน น้ำมันสมุนไพรอย่างเชียบัตเตอร์และน้ำมันข้าวโอ๊ตก็สามารถกระตุ้นการผลิตเซราไมด์ได้เช่นกัน

ผลิตภัณฑ์แนะนำ:

Cerave moisturizing cream จากเซราวีประกอบด้วยเซราไมด์ที่จำเป็นต่อผิว 3 ชนิด โดยสกัดจากพืชธรรมชาติ พร้อมผสานด้วยไฮยาลูรอนิกแอซิด เพื่อช่วยชดเชยความชุ่มชื้น, เซราไมด์ที่ขาดหายไป และเสริมสร้างปราการปกป้องผิว

2. ดูแลสุขภาพผิวจากภายใน

สิ่งที่คุณรับประทานมีความสำคัญไม่แพ้สิ่งที่ใช้ทาผิว จงรับประทานอาหารที่มีไฟโตเซราไมด์ ได้แก่ข้าวสาลี ข้าวโพด และข้าวโอ๊ต ให้ได้รับกรดไฮยาลูรอนิกอย่างเพียงพอจากอาหารเช่น กะหล่ำปลี มันฝรั่ง และอัลมอนด์ วิตามินอีจากอาโวคาโดและมะม่วงช่วยต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้ผิวแห้ง และกรดไขมันโอเมก้า 3 จากปลาแซลมอน ทูน่า และเมล็ดลินสีด จะช่วยคงความชุ่มชื้นผิว

3. ดูแลจุลินทรีย์บนผิว

สุดท้าย การบำรุงจุลินทรีย์บนผิวจะช่วยให้ร่างกายผลิตโพสไบโอติกชนิดบำรุงผิวและรักษาความชุ่มชื้นได้เองตามธรรมชาติ จุลินทรีย์เหล่านี้จะสร้างสารเช่น กรดไฮยาลูรอนิก เปปไทด์ และกรดไขมัน ที่ช่วยหนุนชั้นปกป้องความชุ่มชื้นในผิว การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงจุลินทรีย์ผิวจะช่วยให้ระบบนิเวศนี้สมดุลย์

สรุปคือ การมีผิวแห้งกร้านไม่ใช่เรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในวัยชรา หากดูแลด้วยวิธีหลากหลายทั้งจากภายนอกและภายใน ได้แก่ บำรุงครีม การกินอาหารที่เหมาะสม และการบำรุงจุลินทรีย์ผิว คุณก็สามารถคงความชุ่มชื้นให้ผิวนุ่มฉ่ำอยู่ตลอดวัยได้ เพียงแค่ไม่กี่ขั้นตอน ผิวคุณก็จะดูอิ่มเอิบ กระจ่างใส จนถึงวัยสูงอายุ

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • เซราไมด์ (Ceramides) เป็นไขมันชนิดหนึ่งที่มีองค์ประกอบทางเคมีคล้ายกับเซรามิก เซราไมด์เป็นส่วนประกอบสำคัญของผนังเซลล์ผิวหนัง โดยเฉพาะชั้น stratum corneum ซึ่งเป็นชั้นนอกสุดของผิวหนัง
  • เซราไมด์ทำหน้าที่สำคัญในการรักษาประสิทธิภาพของผิว (skin barrier) โดยช่วยยึดเกาะเซลล์ผิวหนังให้แน่นสนิท และกักเก็บความชุ่มชื้นภายในผิวไม่ให้ระเหยออกไป นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันสิ่งแปลกปลอมจากภายนอกไม่ให้ผ่านเข้าสู่ร่างกาย
  • เมื่ออายุมากขึ้น ระดับเซราไมด์ในผิวจะลดลงตามธรรมชาติ ทำให้ผิวอ่อนแอลง ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น แห้งกร้าน และเสี่ยงต่อการระคายเคืองมากขึ้น ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของเซราไมด์ จะช่วยเสริมสร้างและฟื้นฟูเปลือกหุ้มผิวให้แข็งแรงขึ้น คงความชุ่มชื้น และชะลอผิวแก่ก่อนวัย
  • สควาลีน (Squalene) เป็นสารประกอบไฮดรอคาร์บอนชนิดหนึ่งที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์และสัตว์ รวมถึงพืชบางชนิด โดยมีคุณสมบัติที่สำคัญดังนี้:
    – เป็นสารหล่อลื่นธรรมชาติ ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น โดยทำหน้าที่คล้ายกับน้ำมันที่ช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นไว้ในผิว
    – เป็นส่วนประกอบของไขมันที่หุ้มเซลล์ผิว ช่วยเสริมสร้างเปลือกหุ้มผิว (skin barrier) ให้แข็งแรง
    – มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต้านการเสื่อมของเซลล์ผิวจากมลภาวะและรังสียูวี
    – ช่วยกระตุ้นการสร้างเซราไมด์ ซึ่งเป็นไขมันที่สำคัญในการป้องกันความชุ่มชื้นระเหยจากผิว
    – ปริมาณสควาลีนในร่างกายมนุษย์จะลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผิวเสียความยืดหยุ่น แห้งกร้าน และเหี่ยวย่นเร็วขึ้น ดังนั้นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลายชนิดจึงนิยมใช้สแควลีนจากพืชเป็นส่วนผสมเพื่อเสริมความชุ่มชื้นและคงความอ่อนนุ่มแก่ผิว
    – สควาลีนจัดเป็นไขมันชนิดดีที่ปลอดภัยต่อผิว ได้รับความนิยมนำมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เช่น ครีมบำรุงผิว โลชั่น และน้ำมันนวดผิว เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการคงความชุ่มชื้นให้ผิว ต้านริ้วรอย และผิวเหี่ยวย่นได้ดี