updated: 5/5/2568
การดูแลผิวไม่ใช่แค่การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุง แต่ยังรวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวได้โดยไม่รู้ตัว บทความต้นฉบับ (เผยแพร่ 06.06.2557) ได้กล่าวถึง 5 พฤติกรรมที่อาจทำลายผิว แม้เวลาจะผ่านไป แต่หลักการทางวิทยาศาสตร์เบื้องหลังยังคงเป็นจริงและมีความเข้าใจที่ชัดเจนมากขึ้น ดังนี้
1. การพักผ่อนไม่เพียงพอ (Inadequate Sleep):
- หลักการ: การนอนหลับเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง รวมถึงเซลล์ผิวหนังด้วย ขณะหลับ ร่างกายจะหลั่ง Growth Hormone ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจนและซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ การไหลเวียนโลหิตสู่ผิวหนังก็เพิ่มขึ้น ช่วยให้ผิวได้รับออกซิเจนและสารอาหาร [1, 2]
- ผลกระทบ: การอดนอนหรือนอนน้อย ทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) มากขึ้น ซึ่ง Cortisol สามารถทำลายคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย นอกจากนี้ยังส่งผลให้ผิวดูหมองคล้ำ เกิดรอยคล้ำใต้ตา (จากการขยายตัวของหลอดเลือด) และทำให้เกราะป้องกันผิว (Skin barrier) อ่อนแอลง เสี่ยงต่อการสูญเสียความชุ่มชื้นและระคายเคืองง่ายขึ้น [2, 3]
- คำแนะนำ: ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ (ประมาณ 7-9 ชั่วโมงสำหรับผู้ใหญ่) และมีคุณภาพ เพื่อให้กระบวนการซ่อมแซมผิวทำงานได้อย่างเต็มที่
2. การบริโภคน้ำตาลสูง (High Sugar Intake):
- หลักการ: การบริโภคน้ำตาลในปริมาณมากเกินไป นำไปสู่กระบวนการที่เรียกว่า “ไกลเคชั่น” (Glycation) ซึ่งโมเลกุลน้ำตาลจะเข้าไปจับกับโปรตีนสำคัญในผิวหนัง คือ คอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้เกิดสารที่เรียกว่า Advanced Glycation End products (AGEs) [4, 5]
- ผลกระทบ: AGEs ทำให้เส้นใยคอลลาเจนและอิลาสตินแข็งกระด้าง เปราะ ขาดความยืดหยุ่น ส่งผลให้ผิวเกิดริ้วรอย หย่อนคล้อย และดูแก่กว่าวัย นอกจากนี้ อาหารที่มีน้ำตาลสูงและค่าดัชนีน้ำตาลสูง (High Glycemic Index) ยังอาจกระตุ้นการผลิตน้ำมัน (Sebum) และการอักเสบ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดหรือทำให้อาการสิวแย่ลงได้ [5, 6]
- คำแนะนำ: จำกัดการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เลือกทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เช่น ธัญพืชไม่ขัดสี ผัก ผลไม้บางชนิด
3. การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป (Excessive Alcohol Consumption):
- หลักการ: แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ (Diuretic) ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากกว่าปกติ รวมถึงน้ำในเซลล์ผิวหนัง นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย และทำให้หลอดเลือดฝอยขยายตัว [7, 8]
- ผลกระทบ: การขาดน้ำทำให้ผิวแห้งกร้าน ขาดความเปล่งปลั่ง ริ้วรอยดูชัดเจนขึ้น การอักเสบอาจทำให้ปัญหาผิว เช่น สิว หรือ โรคผิวหนังอักเสบโรซาเชีย (Rosacea) แย่ลง การขยายตัวของหลอดเลือดทำให้หน้าแดง และอาจนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดฝอยแตก (เส้นเลือดฝอยบนใบหน้า) ในระยะยาวได้ การดื่มหนักยังส่งผลเสียต่อตับ ซึ่งอาจกระทบต่อการกำจัดของเสียและสุขภาพผิวโดยรวม [7] แม้ไวน์แดงจะมีสารต้านอนุมูลอิสระ (Resveratrol) แต่ประโยชน์ที่ได้อาจไม่คุ้มกับผลเสียจากแอลกอฮอล์หากดื่มในปริมาณมาก [8]
- คำแนะนำ: ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ หรือหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีปัญหาผิวอยู่แล้ว และควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำ
4. การกำจัดขนที่ไม่เหมาะสม (Improper Hair Removal Practices):
- หลักการ: การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์ (Retinoids) เช่น Tretinoin, Adapalene, Retinol หรือกรดผลัดเซลล์ผิวเข้มข้น (AHAs, BHAs) จะเร่งการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก (Stratum Corneum) ทำให้ผิวบางและไวต่อการระคายเคืองมากขึ้น [9]
- ผลกระทบ: การแว็กซ์ขน (Waxing) บริเวณผิวที่ใช้เรตินอยด์หรือสารผลัดเซลล์ผิวเข้มข้น มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้ผิวหนังชั้นบนหลุดลอกติดไปกับแว็กซ์ เกิดเป็นแผลถลอก แดง หรือทิ้งรอยดำได้ง่าย [9, 10]
- คำแนะนำ: หากใช้เรตินอยด์หรือสารผลัดเซลล์ผิวเข้มข้น ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในบริเวณที่จะแว็กซ์ขนเป็นเวลาอย่างน้อย 5-7 วัน (หรือตามคำแนะนำของแพทย์/ผู้เชี่ยวชาญ) ก่อนทำการแว็กซ์ และหลังการกำจัดขนทุกวิธี ควรทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ เนื่องจากผิวจะไวต่อแสงแดดมากขึ้น
5. การทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ก่อนเวลาสำคัญ (Trying New Products Inopportunely):
- หลักการ: ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเครื่องสำอางใหม่ อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ (Allergic Contact Dermatitis) หรือระคายเคือง (Irritant Contact Dermatitis) ได้ ซึ่งอาการอาจปรากฏขึ้นหลังใช้ทันที หรือหลังจากใช้ไปแล้วหลายชั่วโมงหรือหลายวัน [11]
- ผลกระทบ: หากเกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง เช่น ผื่นแดง คัน บวม แสบ ลอก ก่อนการเดินทางหรือวันสำคัญ จะทำให้ต้องเสียเวลาในการรักษา และอาจทำให้อาการแย่ลงจากปัจจัยแวดล้อมระหว่างเดินทางได้
- คำแนะนำ: ควรทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ (Patch Test) โดยทาบริเวณเล็กๆ ที่ผิวหนัง เช่น ท้องแขน หรือ หลังใบหู ทิ้งไว้อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง เพื่อสังเกตอาการ ก่อนตัดสินใจใช้ผลิตภัณฑ์นั้นๆ บนใบหน้าหรือบริเวณกว้าง และควรหลีกเลี่ยงการลองผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงใกล้เวลาเดินทางหรือมีกิจกรรมสำคัญ [11]
สรุป:
การตระหนักถึงพฤติกรรมเหล่านี้และผลกระทบต่อผิวตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ จะช่วยให้เราสามารถปรับเปลี่ยนและหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำลายผิวได้ การดูแลผิวให้มีสุขภาพดีต้องอาศัยความสม่ำเสมอทั้งการบำรุงจากภายนอกและการดูแลจากภายใน รวมถึงการป้องกันปัจจัยทำร้ายผิว เช่น แสงแดด
เอกสารอ้างอิง (References):
- Oyetakin-White, P., Suggs, A., Koo, B., Matsui, M. S., Yarosh, D., Cooper, K. D., & Baron, E. D. (2015). Does poor sleep quality affect skin ageing?. Clinical and experimental dermatology, 40(1), 17–22. doi:10.1111/ced.12455
- Kahan, V., Andersen, M. L., Tomimori, J., & Tufik, S. (2010). Can poor sleep affect skin integrity?. Medical hypotheses, 75(6), 535–537. doi:10.1016/j.mehy.2010.07.018
- Chen, Y., & Lyga, J. (2014). Brain-skin connection: stress, inflammation and skin aging. Inflammation & allergy drug targets, 13(3), 177–190. doi:10.2174/1871528113666140522104422
- Nguyen, H. P., & Katta, R. (2015). Sugar Sag: Glycation and the Role of Diet in Aging Skin. Skin therapy letter, 20(6), 1–5. PMID: 27224842.
- Danby, F. W. (2010). Nutrition and aging skin: sugar and glycation. Clinics in dermatology, 28(4), 409–411. doi:10.1016/j.clindermatol.2010.03.018
- Melnik, B. C. (2012). Dietary intervention in acne: Attenuation of increased mTORC1 signaling promoted by Western diet. Dermato-endocrinology, 4(1), 20–32. doi:10.4161/derm.19828
- Goodman, G. D., Kaufman, J., Day, D., Weiss, R., Bensimon, A., Welch, K., & Santoro, S. (2019). Impact of Smoking and Alcohol Use on Facial Aging in Women: Results of a Large Multinational, Multiracial, Cross-sectional Analysis. The Journal of clinical and aesthetic dermatology, 12(8), 28–35. PMID: 31531169; PMCID: PMC6715121.
- Liu, Y., Nguyen, C. N., & Colditz, G. A. (2019). Links between alcohol consumption and skin cancer: A systematic review and meta-analysis. Cancer epidemiology, 58, 11-19. doi:10.1016/j.canep.2018.11.004 (While focusing on cancer, discusses general skin effects).
- American Academy of Dermatology Association. (n.d.). Retinoid or retinol?. Retrieved May 5, 2025, from https://www.aad.org/public/everyday-care/skin-care-secrets/anti-aging/retinoid-retinol
- Burgess, C. M. (Ed.). (2005). Cosmetic Dermatology. Springer Science & Business Media. (Chapter on hair removal often discusses contraindications like retinoid use).
- Uter, W., & Werfel, T. (Eds.). (2017). Contact Dermatitis. Springer. (Discusses mechanisms and prevention of contact dermatitis, including patch testing)