ทำความเข้าใจ ‘ไมเกรน’: อาการ สาเหตุ และแนวทางการจัดการที่คุณควรรู้

ปรับปรุงล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2568

ไมเกรน (Migraine) ไม่ใช่แค่อาการปวดศีรษะธรรมดา แต่เป็นโรคทางระบบประสาทที่พบได้บ่อย ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ที่เป็นอย่างมาก ทั้งในการทำงาน การเรียน และการใช้ชีวิตประจำวัน บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจไมเกรนได้ดียิ่งขึ้น ตั้งแต่อาการ สาเหตุ ไปจนถึงแนวทางการจัดการและรักษาที่เหมาะสม


ไมเกรนคืออะไร?

ไมเกรนเป็นโรคที่ซับซ้อนซึ่งเกิดจากความผิดปกติชั่วคราวในการทำงานของสมอง ระบบประสาท และหลอดเลือด ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะรุนแรง และมักมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย แตกต่างจากอาการปวดศีรษะจากความเครียด (Tension headache) ที่มักปวดตื้อๆ ทั่วศีรษะ


อาการของไมเกรนเป็นอย่างไร?

อาการไมเกรนแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่ลักษณะที่พบบ่อย ได้แก่:

  1. อาการปวดศีรษะ:
    • มักปวดตุ้บๆ ตามจังหวะชีพจร
    • ส่วนใหญ่ปวดบริเวณขมับข้างใดข้างหนึ่ง (แต่ก็สามารถปวดสองข้าง หรือย้ายข้างได้)
    • อาจปวดร้าวไปที่เบ้าตา ท้ายทอย หรือใบหน้า
    • ความรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก จนอาจรบกวนกิจวัตรประจำวัน
  2. อาการร่วมอื่นๆ:
    • คลื่นไส้ และ/หรือ อาเจียน
    • ไวต่อแสง (Photophobia) อยากอยู่ในห้องมืดๆ
    • ไวต่อเสียง (Phonophobia) ทนเสียงดังไม่ค่อยได้
    • บางรายอาจไวต่อกลิ่น (Osmophobia)
  3. ไมเกรนชนิดมีอาการนำ (Migraine with Aura):
    • ผู้ป่วยไมเกรนประมาณ 1 ใน 4 อาจมี “อาการนำ” หรือ “ออร่า” (Aura) เกิดขึ้นก่อนหรือพร้อมๆ กับอาการปวดศีรษะ
    • ออร่าเป็นอาการทางระบบประสาทที่เกิดขึ้นชั่วคราว (มักไม่เกิน 1 ชั่วโมง) ที่พบบ่อยคือ อาการทางสายตา เช่น เห็นแสงซิกแซก แสงวาบ จุดดำ หรือภาพบิดเบี้ยว
    • อาจมีอาการอื่นๆ เช่น อาการชา หรือรู้สึกยิบๆ บริเวณใบหน้าหรือมือ หรือปัญหาด้านการพูด (พบได้น้อย)
  4. ระยะต่างๆ ของไมเกรน:
    • ระยะอาการเตือน (Prodrome): อาจเกิดขึ้นหลายชั่วโมงหรือ 1-2 วันก่อนปวดศีรษะ เช่น หงุดหงิด ซึม เมื่อยคอ อยากอาหารบางอย่าง หาวบ่อย
    • ระยะออร่า (Aura): หากมีอาการนำ
    • ระยะปวดศีรษะ (Headache): มีอาการปวดและอาการร่วมต่างๆ ดังที่กล่าวข้างต้น (นาน 4-72 ชั่วโมง หากไม่รักษา)
    • ระยะหลังปวดศีรษะ (Postdrome): หลังปวดศีรษะทุเลา อาจรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น เวียนศีรษะ หรือปวดเมื่อยตามตัว (อาจนานถึง 24 ชั่วโมง)
    • หมายเหตุ: ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีครบทุกระยะ

สาเหตุและปัจจัยกระตุ้นไมเกรน

แม้สาเหตุที่แท้จริงยังซับซ้อนและอยู่ระหว่างการศึกษา แต่ปัจจุบันเชื่อว่าไมเกรนเกี่ยวข้องกับหลายปัจจัยผสมผสานกัน ได้แก่:

  • พันธุกรรม: ผู้มีประวัติครอบครัวเป็นไมเกรน มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้สูงกว่าคนทั่วไป
  • การทำงานของสมองและสารสื่อประสาท: เชื่อว่ามีความผิดปกติชั่วคราวในการทำงานของก้านสมอง และความไม่สมดุลของสารสื่อประสาทบางชนิด (เช่น เซโรโทนิน และ CGRP – Calcitonin Gene-Related Peptide) ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของหลอดเลือดและระบบประสาทรับความรู้สึกปวด

ปัจจัยกระตุ้น (Triggers):

สิ่งกระตุ้นที่ทำให้ไมเกรนกำเริบแตกต่างกันไปในแต่ละคน ที่พบบ่อย ได้แก่:

  • ความเครียด และการผ่อนคลายหลังความเครียด
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: เช่น ช่วงก่อนหรือระหว่างมีประจำเดือน การตั้งครรภ์ การใช้ยาคุมกำเนิด หรือฮอร์โมนทดแทน
  • การนอนหลับ: นอนน้อยเกินไป นอนมากเกินไป หรือรูปแบบการนอนเปลี่ยนแปลง
  • อาหารและเครื่องดื่ม: การอดอาหาร, ทานอาหารไม่ตรงเวลา, อาหารบางชนิด (เช่น ชีสบ่ม, ผงชูรส, สารให้ความหวานแทนน้ำตาล), เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (โดยเฉพาะไวน์แดง), คาเฟอีน (ทั้งการดื่มมากไป และภาวะขาดคาเฟอีน)
  • สิ่งกระตุ้นทางประสาทสัมผัส: แสงจ้า, แสงแดด, แสงกะพริบ, เสียงดัง, กลิ่นฉุน (น้ำหอม, ควันบุหรี่)
  • การเปลี่ยนแปลงของอากาศ: ความกดอากาศ, อุณหภูมิ, ความชื้น
  • ยาบางชนิด: เช่น ยาขยายหลอดเลือด, ยาคุมกำเนิดบางชนิด
  • การออกกำลังกาย: การออกกำลังกายที่หักโหมเกินไป (ในบางคน)
  • ภาวะขาดน้ำ

การวินิจฉัยและเมื่อไหร่ควรพบแพทย์

การวินิจฉัยไมเกรนอาศัยการซักประวัติอาการอย่างละเอียด รูปแบบการปวด ลักษณะอาการร่วม และปัจจัยกระตุ้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่จำเป็นต้องมีการตรวจพิเศษเสมอไป ยกเว้นในรายที่แพทย์สงสัยภาวะอื่น


ควรปรึกษาแพทย์ หากคุณมีอาการดังนี้:

  • ปวดศีรษะรุนแรงเฉียบพลัน แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
  • รูปแบบการปวดศีรษะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม (ถี่ขึ้น รุนแรงขึ้น หรือลักษณะเปลี่ยนไป)
  • มีอาการทางระบบประสาทอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น แขนขาอ่อนแรง ชาครึ่งซีก พูดไม่ชัด สับสน การมองเห็นผิดปกติ (นอกเหนือจากออร่าที่เคยเป็น) มีไข้ คอแข็ง
  • เริ่มมีอาการปวดศีรษะรุนแรงครั้งแรกเมื่ออายุมากกว่า 50 ปี
  • ปวดศีรษะหลังได้รับอุบัติเหตุที่ศีรษะ
  • อาการปวดศีรษะรบกวนชีวิตประจำวันอย่างมาก

แนวทางการจัดการและรักษาไมเกรน

เป้าหมายคือการบรรเทาอาการปวดเมื่อเกิดขึ้น ลดความถี่และความรุนแรงของอาการ และปรับปรุงคุณภาพชีวิต มีแนวทางหลักๆ ดังนี้:

  1. การรักษาขณะมีอาการ (Acute Treatment):
    • ยาแก้ปวดทั่วไป: เช่น พาราเซตามอล, ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน, นาพรอกเซน เหมาะสำหรับอาการปวดไม่รุนแรง และควรใช้ทันทีที่เริ่มมีอาการ
    • ยาเฉพาะกลุ่มไมเกรน:
      • ทริปแทน (Triptans): ออกฤทธิ์จำเพาะต่อไมเกรน ช่วยลดอาการปวดและอาการร่วมได้ดี มีทั้งรูปแบบยาเม็ด ยาพ่นจมูก และยาฉีด
      • ยากลุ่ม CGRP Antagonists (Gepants): เป็นยากลุ่มใหม่ ใช้รักษาอาการปวดเฉียบพลัน
    • ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน: หากมีอาการร่วม
    • ข้อควรระวัง: การใช้ยาแก้ปวดบ่อยเกินไป อาจทำให้เกิด “ภาวะปวดศีรษะจากการใช้ยาเกิน” (Medication Overuse Headache) ได้ ควรปรึกษาแพทย์เรื่องการใช้ยาที่เหมาะสม
  2. การรักษาเพื่อป้องกัน (Preventive Treatment):
    • พิจารณาใช้ในผู้ที่มีอาการไมเกรนบ่อย (เช่น มากกว่า 4 ครั้งต่อเดือน) หรืออาการรุนแรงมาก รบกวนชีวิตประจำวัน หรือใช้ยาแก้ปวดเฉียบพลันไม่ได้ผล/มีข้อห้าม
    • เป้าหมายคือ ลดความถี่ ความรุนแรง และระยะเวลาของอาการปวด
    • มียาหลายกลุ่มที่ใช้ เช่น ยาลดความดันโลหิตบางชนิด (Beta-blockers), ยากันชักบางชนิด, ยาต้านเศร้าบางชนิด
    • การฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botox) สำหรับผู้ป่วยไมเกรนเรื้อรัง (Chronic Migraine – ปวดศีรษะ ≥ 15 วันต่อเดือน โดยมีลักษณะไมเกรน ≥ 8 วันต่อเดือน ติดต่อกัน > 3 เดือน)
    • ยาฉีดกลุ่มใหม่ Anti-CGRP Monoclonal Antibodies
    • การเลือกใช้ยาป้องกันขึ้นอยู่กับสภาวะของผู้ป่วยแต่ละราย โรคประจำตัว และการพิจารณาของแพทย์ ต้องใช้ยาต่อเนื่องระยะหนึ่งจึงจะเห็นผล และต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
  3. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวิถีชีวิต (Lifestyle Adjustments):
    • การนอนหลับ: เข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลาสม่ำเสมอทุกวัน หลีกเลี่ยงการนอนดึกหรือนอนมากเกินไป
    • การรับประทานอาหาร: ทานอาหารให้ตรงเวลา ไม่ข้ามมื้อ ดื่มน้ำให้เพียงพอ
    • การจัดการความเครียด: หาวิธีผ่อนคลายที่เหมาะสม เช่น การออกกำลังกายเบาๆ ถึงปานกลางสม่ำเสมอ, โยคะ, การทำสมาธิ, การหายใจลึกๆ
    • หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น: สังเกตและพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นเฉพาะของตนเอง การจดบันทึกอาการปวดศีรษะ (Headache Diary) จะช่วยให้เห็นแบบแผนและหาสิ่งกระตุ้นได้ง่ายขึ้น

บทสรุป

ไมเกรนเป็นโรคทางระบบประสาทที่ถึงแม้จะไม่ร้ายแรงถึงชีวิต แต่ก็ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตได้อย่างมาก การทำความเข้าใจอาการ สาเหตุ ปัจจัยกระตุ้น และแนวทางการรักษาที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ การปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการจัดการที่เหมาะสม ร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมอาการและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากบุคลากรทางการแพทย์หากคุณหรือคนใกล้ชิดกำลังเผชิญกับไมเกรน


แหล่งข้อมูลอ้างอิง (ตัวอย่างประเภทแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ):

  • แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยไมเกรน โดย สมาคมประสาทวิทยาแห่งประเทศไทย หรือ ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
  • ข้อมูลสำหรับประชาชน จากโรงพยาบาล หรือคณะแพทยศาสตร์ชั้นนำ (เช่น โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, โรงพยาบาลรามาธิบดี)
  • International Headache Society (IHS) – The International Classification of Headache Disorders (ICHD)
  • American Migraine Foundation (AMF)
  • National Institute of Neurological Disorders and Stroke (NINDS) – USA

(หมายเหตุ: เพื่อความถูกต้องและเป็นปัจจุบันที่สุด ควรปรึกษาแพทย์หรือค้นหาข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือโดยตรง)