เคล็ดลับกำจัดฝ้า กระ ปัญหาโลกแตกที่ผู้หญิงไม่อยากเจอ!

เมื่อกระและฝ้ากลายเป็นอีกหนึ่งปัญหารบกวนใจของสาวๆ

นอกเหนือจากปัญหาสิวที่มักจะเข้ามารบกวนอยู่บ่อยครั้ง ฝ้าและกระเปรียบเสมือนตัวทำลายความเรียบเนียนผิวหน้า

ส่งผลให้ผิวมีความหมองคล้ำ เต็มไปด้วยริ้วรอยกระดำกระด่าง ทำให้การแต่งหน้าทำได้ยากขึ้น แถมเมื่อมันได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว ทำให้การรักษาไม่ค่อยได้ผล กลายเป็นความกังวลอันดับต้นๆ และเป็นปัญหาโลกแตกคิดไม่ตก

แม้ว่ามันจะไม่ร้ายแรงแต่ก็สามารถสร้างความเลวร้ายให้กับความสวยความงามของสาวๆ ที่ทุกคนต่างก็เข้าใจกันดีถึงผลกระทบต่อใบหน้า แต่ก่อนที่จะหมดหวังกับการรักษาร้อยแปดพันวิธี

เรามีเคล็ดลับดีๆ มานำเสนอ กับการดูแลปัญหาฝ้ากระให้สามารถลดเลือนไปได้อย่างง่ายดาย ช่วยคืนความสวยใสให้กลับมาเป็นเสน่ห์อันน่าดึงดูดใจได้อีกครั้งค่ะ

Photo Credit: aaron.rosales
Photo Credit: aaron.rosales

ขั้นตอนการรักษากระและฝ้าให้ได้ผล

ก่อนอื่นสาวๆ จะต้องแยกประเภทของกระฝ้าที่เกิดขึ้นก่อน และให้ทำใจตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วไม่สามารถรักษาให้หายไปได้เต็มร้อย แม้ว่าครั้งหนึ่งจะสามารถกำจัดมันไปได้แล้วแต่ก็ต้องคอยระมัดระวังดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เพราะมิเช่นนั้นมันจะกลับมาสร้างร่อยรอยบนผิวหน้าได้อีกเรื่อยๆ

การรักษาตามหลักการแพทย์ยังไม่สามารถหาสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดได้ ดังนั้นจึงมีการรักษาที่แบ่งออกเป็น 2 วิธีคือ

– มุ่งเน้นไปที่การป้องกันและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะกระตุ้นให้เกิดกระและฝ้าเพิ่มขึ้น ร่วมกับการรักษาเพื่อให้ร่องรอยที่มีอยู่ลดเลือนลงไป โดยแพทย์ที่รับการรักษาจะให้คำแนะนำผู้มีปัญหาหลีกเลี่ยงการรับยาฮอร์โมนอันเป็นตัวกระตุ้นชั้นดี โดยเฉพาะยาคุมกำเนิด หลีกเลี่ยงการตากแดด

[alert-note]ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะยิ่งส่งผลให้ความหมองคล้ำของเม็ดสีมีความเข้มมากขึ้นจนการรักษาทำได้ยุ่งยากและลดโอกาสหายให้น้อยตามลงไป ทั้งนี้ผู้มีปัญหาควรใช้ครีมบำรุงผิวหน้าที่มีส่วนผสมของสารกันแดดทุกครั้งที่จำเป็นต้องออกกลางแจ้งและเลือกค่า SPF ประมาณ 20 ขึ้นไป ทาอย่างน้อยวันละ 2-3 ครั้งโดยเฉพาะในช่วงที่ตากแดดจะต้องทาครีมกันแดดให้ทั่วผิวหน้าและบริเวณที่เกิดกระฝ้า เพื่อป้องกันไม่ให้รังสียูวีเข้ากระตุ้นผิวจนเกิดการลุกลามเป็นวงกว้างมากขึ้น[/alert-note]

– ส่วนการรักษาเพื่อลดเลือนร่องรอยให้จางลง มีหลายทางเลือกให้ผุ้มีปัญหาเลือกใช้ตามความเหมาะสมตั้งแต่การใช้ยาทาเพื่อเร่งผลัดเซลล์ผิวกำพร้า กระตุ้นให้สร้างเซลล์ผิวใหม่และยาสำหรับลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน โดยผลลัพธ์ที่ได้จะต้องใช้เวลาในการรักษาหลายสัปดาห์ ฝ้าที่เกิดขึ้นจะมีการจางและหายไปได้ ส่วนกระที่ฝังตัวแน่นในชั้นใตผิวหนังก็จะสามารถทำให้จางลงแต่ไม่หายขาด

ดังนั้น ทางที่ดีสาวๆ ควรหันมาดูแลผิวหน้าของตัวเองเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ตอนนี้ ก่อนที่กระฝ้าจะกลายเป็นปัญหายุ่งยาก สร้างความลำบากใจ แถมยังทำให้การรักษาเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและเป็นเพียงการรักษาที่ให้ผลเพียงชั่วคราว ที่เหลือเป็นเรื่องที่สาวๆ จะต้องประคับประคองอาการไม่ให้ริ้วรอยความหมองคล้ำกลับมาเป็นปมปัญหาให้ใบหน้าได้อีกครั้งนั่นเองค่ะ